ไต้หวันกล่าวว่ากองทัพของตนอยู่ในขั้นเฝ้าระวังสูงสุดและเริ่มดำเนินการฝึกซ้อมรบ หลังจากตรวจพบเรือรบและเรือยามฝั่งของจีนในน่านน้ำรอบเกาะ
ลูกเรือของหน่วยยามฝั่งไต้หวันกำลังเฝ้าติดตามเรือของหน่วยยามฝั่งจีนในน่านน้ำทางตะวันออกของไต้หวัน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม (Photo by Handout / TAIWAN COAST GUARD / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2567 กล่าวว่า รัฐบาลไต้หวันประกาศเฝ้าระวังสูงสุดและสั่งการให้กองทัพเริ่มปฏิบัติการซ้อมรบทันที หลังจากตรวจพบเรือรบและเรือยามฝั่งของจีนในน่านน้ำรอบเกาะ
การฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นการตอบสนองต่อกองทัพของจีนแผ่นดินใหญ่ที่จำกัดน่านฟ้านอกชายฝั่งจีน
กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุในแถลงการณ์ว่า "เพื่อตอบสนองต่อการกระทำของกองทัพจีน กองทัพของเราได้เริ่มดำเนินการซ้อมรบโดยคำนึงถึงภัยคุกคามจากศัตรู, สภาพอากาศ และการวางตำแหน่งทางยุทธวิธี" พร้อมเสริมว่าหน่วยทหารอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมสูง
มีการคาดเดากันอย่างมากมายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จีนจะเปิดการซ้อมรบเพื่อตอบสนองต่อการเดินทางเยือนแปซิฟิกของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งรวมถึงการแวะพักบนแผ่นดินสหรัฐฯ สองครั้ง
กระทรวงกลาโหมฯกล่าวว่า กองกำลังของไต้หวันสามารถระบุพิกัดทางเรือของกองบัญชาการภาคตะวันออก, เหนือ และใต้ของกองทัพจีนได้ รวมถึงเรือของหน่วยยามฝั่งที่เข้ามาในพื้นที่รอบช่องแคบไต้หวันและแปซิฟิกตะวันตก
อย่างไรก็ตาม กองทัพจีนหรือสื่อของรัฐบาลจีนไม่ได้รายงานต่อสาธารณะทันทีเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นรอบไต้หวัน
แม้ว่าไต้หวันจะถือว่าตนเองเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย โดยมีรัฐบาล, กองทัพ และสกุลเงินของตนเอง แต่รัฐบาลปักกิ่งยืนกรานว่าเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีน และไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังเพื่อควบคุมเกาะนี้
เมื่อวันพฤหัสบดีที่เกาะกวม ไล่ ชิงเต๋อได้พูดคุยกับไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระหว่างการเดินทางเยือนแปซิฟิกเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งทำให้รัฐบาลปักกิ่งวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
กระทรวงต่างประเทศของจีนได้เตือนไต้หวันเมื่อวันศุกร์ว่า "การแสวงหาเอกราชด้วยความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ จะต้องพบกับอุปสรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" และเรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตันหยุดแทรกแซงกิจการที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไล่ ชิงเต๋อตอบคำถามเกี่ยวกับการซ้อมรบของจีนที่อาจเกิดขึ้นในไต้หวันภายหลังการเดินทาง โดยเขาบอกกับนักข่าวว่า "การชูกำปั้นไม่ดีเท่ากับการกางมือ"
ผู้นำไต้หวันกล่าวว่า "ไม่ว่าจีนจะทำการซ้อมรบ หรือส่งเรือรบและเครื่องบินไปข่มขู่ประเทศเพื่อนบ้านมากเพียงใด ก็ไม่สามารถได้รับความเคารพจากประเทศใด ๆ"
หน่วยยามชายฝั่งของไต้หวันกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าได้ตรวจพบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเรือหน่วยยามชายฝั่งของจีน 7 ลำตั้งแต่เช้าวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่ไล่ ชิงเต๋อเดินทางกลับกรุงไทเป
การเดินทางของผู้นำไต้หวัน ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเขาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ในแปซิฟิก ซึ่งจีนได้เข้ามาล่าพันธมิตรของไต้หวันอยู่ตลอดเวลา
ไต้หวันเผชิญกับภัยคุกคามจากการโจมตีทางทหารจากจีนบ่อยครั้ง และต้องพึ่งพาการสนับสนุนอาวุธของสหรัฐฯ เป็นอย่างมากเพื่อเสริมกำลังป้องกันประเทศ
ในช่วงก่อนหน้าการเดินทางเยือนแปซิฟิกของผู้นำไต้หวัน สหรัฐฯ ได้อนุมัติข้อเสนอขายชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับเครื่องบิน F-16 และระบบเรดาร์ รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารให้กับไต้หวัน โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 385 ล้านดอลลาร์
ไล่ ชิงเต๋อกล่าวระหว่างการเดินทางไปแวะพักที่รัฐฮาวายของสหรัฐฯ ว่ามีความจำเป็นต้องต่อสู้ และเตือนว่าจะไม่มีผู้ชนะจากความขัดแย้ง
จีนได้เปิดฉากการซ้อมรบขนาดใหญ่สองครั้งรอบไต้หวันตั้งแต่ไล่ ชิงเต๋อเข้ารับตำแหน่ง และได้ส่งเครื่องบินขับไล่และเรือรบไปประจำการเพื่อประกาศอ้างสิทธิ์เหนือเกาะแห่งนี้เป็นประจำ
ทั้งนี้ ไล่ ชิงเต๋อแสดงออกอย่างเปิดเผยมากกว่าอดีตผู้นำคนก่อนหน้าอย่างไช่ อิงเหวิน ในการปกป้องอธิปไตยของไต้หวัน ซึ่งทำให้รัฐบาลปักกิ่งโกรธและเรียกเขาว่าเป็น "ผู้แบ่งแยกดินแดน".