ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึกท่ามกลางความตกตะลึงของประชาชน โดยกล่าวหาฝ่ายค้านรวมหัวเป็น "กองกำลังต่อต้านรัฐ" จึงต้องดำเนินการเพื่อปกป้องประเทศจาก "ภัยคุกคาม" ที่เกิดจากเกาหลีเหนือ
ประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล ของเกาหลีใต้กำลังประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉิน ผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ในกรุงโซล เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม (Photo by Handout / South Korean Presidential Office / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 3 ธันวาคม 2567 กล่าวว่า ชาวเกาหลีใต้แตกตื่นกันทั้งประเทศเมื่อจู่ๆประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล ประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉิน โดยอ้างถึงปัญหาความมั่นคงเกี่ยวกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือที่มีกลุ่มฝ่ายค้านในรัฐสภาทำตัวเป็น "กองกำลังต่อต้านรัฐ"
ในช่วงดึกของวันอังคาร ได้มีเฮลิคอปเตอร์หลายลำร่อนลงจอดบนหลังคาของรัฐสภาที่อยู่ในช่วงปิดทำการ หลังจากนั้นพลเอกปาร์ค อันซู ผู้บัญชาการกองทัพบกเข้าประจำการในฐานะผู้บัญชาการกฎอัยการศึก และออกกฤษฎีกาห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองทั้งหมดทันที
คำสั่งของผู้บัญชาการกฎอัยการศึกยังห้าม "การกระทำที่ต่อต้านหรือพยายามล้มล้างระบบประชาธิปไตยเสรีนิยม รวมถึงการเผยแพร่ข่าวปลอม, การบิดเบือนความคิดเห็นของสาธารณชน และการโฆษณาชวนเชื่ออันเป็นเท็จ"
มีผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมตัวกันหน้ารัฐสภาและเรียกร้องขอเข้าไปข้างใน ขณะที่ตำรวจปิดล้อมอาคารและกองกำลังพิเศษประจำการอยู่ด้านใน
เกาหลีใต้เป็นพันธมิตรสำคัญในเอเชียของสหรัฐ และโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลวอชิงตันกล่าวว่า สหรัฐกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ความเคลื่อนไหวที่น่าตกตะลึงของผู้นำเกาหลีใต้ซึ่งเป็นการประกาศกฎอัยการศึกครั้งแรกของประเทศในรอบกว่า 40 ปี เกิดขึ้นในขณะที่พรรคของเขาและฝ่ายค้านทะเลาะกันเรื่องงบประมาณ
"เพื่อปกป้องเกาหลีใต้ที่เป็นประเทศเสรีนิยมจากภัยคุกคามของกองกำลังคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ และเพื่อกำจัดกลุ่มต่อต้านรัฐที่ขโมยอิสรภาพและความสุขของประชาชนไป ผมขอประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉิน" ยุนกล่าวในการแถลงต่อประเทศชาติผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์
ยุนไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ แต่ทางเทคนิคแล้ว เกาหลีใต้ยังคงอยู่ในภาวะสงครามกับเพื่อนบ้านทางเหนือซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์
"พรรคฝ่ายค้านได้ทำให้การปกครองระบอบเสรีนิยมหยุดชะงักโดยไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชน และมีเป้าหมายเพียงเพื่อถอดถอน, สอบสวนพิเศษ รวมถึงการกีดกันผู้นำจากความยุติธรรม"
"สมัชชาแห่งชาติของเราได้กลายเป็นที่หลบภัยของอาชญากร, เป็นแหล่งกบดานของเผด็จการนิติบัญญัติที่พยายามทำให้ระบบตุลาการและการบริหารประเทศหยุดชะงัก และล้มล้างระเบียบประชาธิปไตยเสรีนิยมของเรา" ยุนกล่าวเสริม
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า เมื่อมีการประกาศกฎอัยการศึก หน่วยทหารทั้งหมดในเกาหลีใต้ได้รับคำสั่งให้เพิ่มความระมัดระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินทันที
จีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของเกาหลีเหนือ เรียกร้องให้พลเมืองของตนในเกาหลีใต้อยู่ในความสงบและใช้ความระมัดระวังในการดำเนินกิจกรรมใดๆในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนนี้
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้ใช้คำเรียกฝ่ายค้านซึ่งครองเสียงข้างมากในรัฐสภาจากทั้งหมด 300 คนว่าเป็น "กองกำลังต่อต้านรัฐที่ตั้งใจจะโค่นล้มระบอบการปกครอง"
ยูนกล่าวถึงการประกาศกฎอัยการศึกว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ "เพื่อรับประกันความต่อเนื่องของเกาหลีใต้ที่เป็นรัฐเสรีนิยม" และเสริมว่าการประกาศนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศใดๆ
"ผมจะฟื้นฟูประเทศให้กลับสู่ภาวะปกติโดยกำจัดกองกำลังต่อต้านรัฐให้เร็วที่สุด" เขากล่าวโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมนอกเหนือจากกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้
เขายังกล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่า เกาหลีใต้อยู่ในภาวะใกล้จะล่มสลาย โดยที่สมัชชาแห่งชาติทำหน้าที่เป็นตัวการที่ตั้งใจจะโค่นล้มประชาธิปไตยเสรีนิยม
พรรคพลังประชาชนของยุน และพรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักมีความเห็นไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรงเกี่ยวกับงบประมาณปีหน้า
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส.ส. ฝ่ายค้านได้อนุมัติแผนงบประมาณที่ปรับตัวเลขลดลงอย่างมากผ่านคณะกรรมการรัฐสภา โดยฝ่ายค้านได้ตัดงบประมาณราว 4.1 ล้านล้านวอน จากแผนงบประมาณ 677 ล้านล้านวอนที่เสนอโดยยุน และตัดกองทุนสำรองของรัฐบาล, งบประมาณกิจกรรมของสำนักงานประธานาธิบดี, อัยการ, ตำรวจ และหน่วยงานตรวจสอบของรัฐ
ยุนกล่าวหาสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านว่า ตัดงบประมาณสำคัญทั้งหมดที่จำเป็นต่อการทำงานหลักของประเทศ เช่น การปราบปรามอาชญากรรมยาเสพติดและการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ จนทำให้ประเทศกลายเป็นแหล่งหลบภัยของยาเสพติดและสั่นคลอนสถานการณ์ความปลอดภัยสาธารณะ
การประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉินเกิดขึ้นในขณะที่คะแนนนิยมของยุนลดลงเหลือ 19% ในการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยประชาชนจำนวนมากแสดงความไม่พอใจต่อการจัดการปัญหาเศรษฐกิจของเขา รวมทั้งประเด็นอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับคิม กอนฮี ผู้เป็นภริยาและสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้.