ประธานาธิบดีไต้หวันหารือเกี่ยวกับ "ภัยคุกคามทางทหารของจีน" ในการต่อสายสนทนากับอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ทำรัฐบาลปักกิ่งเดือดหนัก
ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันกำลังคุยโทรศัพท์กับแนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระหว่างการเยือนโฮโนลูลู รัฐฮาวาย เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม (Photo by TAIWAN PRESIDENTIAL OFFICE / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศพันธมิตรแถบแปซิฟิกและได้แวะพักชั่วคราวที่ฮาวาย มีโอกาสได้หารือทางโทรศัพท์กับแนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐซึ่งนับถือกันในฐานะเพื่อนเก่า โดยมีการเปิดเผยว่าทั้งสองพูดคุยกันในเรื่อง "ภัยคุกคามทางทหารของจีน" เป็นหลัก
การสนับสนุนไต้หวันมาอย่างยาวนานของเพโลซีทำให้จีนโกรธแค้นและตอบโต้การเยือนไทเปของเธอในปี 2565 ด้วยการซ้อมรบครั้งใหญ่รอบเกาะ
แคเรน กั๊วะ โฆษกประธานาธิบดีไต้หวันกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไล่ ชิงเต๋อและเพโลซีได้หารือประเด็นดังกล่าวทางโทรศัพท์นาน 20 นาทีอย่างอบอุ่นและเป็นมิตร ในฐานะเพื่อนเก่าแก่
จีนซึ่งยืนกรานว่าเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตน ได้คัดค้านการรับรองไต้หวันในระดับนานาชาติและการอ้างสิทธิ์ในการเป็นรัฐอธิปไตยของไต้หวัน
รัฐบาลปักกิ่งไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งต่อการติดต่ออย่างเป็นทางการระหว่างเกาะแห่งนี้กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดและเป็นซัพพลายเออร์อาวุธรายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน
จีนหัวเสียอย่างมากที่สหรัฐฯ ขายอาวุธให้กับเกาะแห่งนี้เพิ่มขึ้น รวมถึงการให้การต้อนรับไล่ ชิงเต๋อที่ฮาวายอย่างเอิกเกริกด้วยพรมแดง, พวงมาลัยดอกไม้ และพิธี "อะโลฮา"
เพื่อตอบสนองต่อการสนทนาระหว่างไล่ ชิงเต๋อกับเพโลซี จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ "หยุดแทรกแซงกรณีไต้หวัน" และหยุด "สนับสนุนและเอาอกเอาใจกองกำลังแบ่งแยกดินแดนเพื่อเอกราชของไต้หวัน"
"ปัญหาไต้หวันเป็นแกนหลักของผลประโยชน์หลักของจีนและเป็นเส้นแดงเส้นแรกที่ข้ามไม่ได้ในความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ" หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงปักกิ่ง
ตั้งแต่เดินทางมาถึงฮาวายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเพื่อเริ่มต้นการเยือนแปซิฟิก ผู้นำไต้หวันได้เข้าพบกับจอช กรีน ผู้ว่าการรัฐฯ, สมาชิกรัฐสภาสหรัฐ, เจ้าหน้าที่จากสถานทูตสหรัฐในไต้หวัน และบุคคลทางการเมืองอีกหลายคน
ในสุนทรพจน์ต่อสาธารณะครั้งแรกของการเยือนครั้งนี้ ไล่ ชิงเต๋อกล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า "เราต้องต่อสู้ร่วมกันเพื่อป้องกันสงคราม" และเตือนว่าจะ "ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ" จากความขัดแย้ง
1 สัปดาห์ก่อนการเยือนแปซิฟิกของผู้นำไต้หวัน สหรัฐได้อนุมัติข้อเสนอขายชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับเครื่องบิน F-16 และระบบเรดาร์ รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารให้กับไต้หวัน โดยมีมูลค่ารวม 385 ล้านดอลลาร์
จากนั้นในช่วงสุดสัปดาห์ กระทรวงต่างประเทศจีนเรียกร้องให้สหรัฐ "หยุดส่งอาวุธให้ไต้หวันทันที"
"จีนจะใช้มาตรการตอบโต้ที่เข้มแข็งและเด็ดขาดเพื่อปกป้องอธิปไตย, ความมั่นคง และบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ" ตามแถลงการณ์ของกระทรวงฯ
ในแถลงการณ์อีกครั้ง กระทรวงต่างประเทศจีนระบุว่า จีนขอประท้วงและประณามอย่างรุนแรงต่อสหรัฐฯ สำหรับการแวะพักของไล่ ชิงเต๋อ
นอกจากเพโลซีแล้ว ไล่ ชิงเต๋อยังได้พูดคุยกับ "เพื่อนเก่าแก่อีกหลายคนในสหรัฐฯ" รวมถึงบุคคลสำคัญทางการเมืองที่ยืนยันการสนับสนุนไต้หวันอย่างแน่วแน่ ตามแถลงการณ์ของโฆษกประธานาธิบดีไต้หวัน
ไม่เพียงแค่เรื่องการเมือง ไล่ ชิงเต๋อและเพโลซียังได้หารือเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อีกด้วย
ผู้นำไต้หวันได้กล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันอาทิตย์ โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของไต้หวันในการเสริมสร้างการป้องกันประเทศและความมุ่งมั่นร่วมกันระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ ในการสร้างสันติภาพในภูมิภาค
ไต้หวันเผชิญกับภัยคุกคามจากการโจมตีทางทหารของจีน ซึ่งมักจะส่งเครื่องบินขับไล่และเรือรบไปรอบๆ เกาะที่ปกครองตนเองแห่งนี้เพื่อเรียกร้องสิทธิในการยึดครองกลับคืน
แม้ว่าสหรัฐฯ จะขายอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับไต้หวัน แต่สหรัฐฯ ยังคงวางตัวเป็นกลางในเชิงยุทธศาสตร์ด้านการทหารมาตลอด
คำพูดของผู้นำไต้หวันเกิดขึ้นหลังจากที่จีนขู่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะบดขยี้ความพยายามใดๆ ที่จะนำไปสู่การประกาศเอกราชของไต้หวัน และก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม
วาทกรรมของทรัมป์ทำให้เกิดความกังวลระหว่างการหาเสียงของเขา โดยมีการแนะนำว่าไต้หวันควรจ่ายเงินให้สหรัฐเพื่อการป้องกันประเทศ และกล่าวหาว่าเกาะแห่งนี้ขโมยอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐไป
หลังจากฮาวายแล้ว ไล่ ชิงเต๋อจะไปเยือนหมู่เกาะมาร์แชลล์, ตูวาลู และปาเลา ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ยอมรับการอ้างสิทธิ์เป็นรัฐของไต้หวัน จากนั้นจะแวะพักค้างคืนที่เกาะกวม อีกหนึ่งดินแดนของสหรัฐ
ผู้นำไต้หวันกล่าวก่อนออกเดินทางจากไทเปว่า การเดินทางครั้งนี้จะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของประชาธิปไตย และขอบคุณรัฐบาลสหรัฐที่ช่วยทำให้การเดินทางครั้งนี้ราบรื่น
เขากล่าวว่า เขาต้องการขยายความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรต่อไปโดยยึดหลักคุณค่าของประชาธิปไตย, สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรือง
"ผมขอเน้นย้ำอีกครั้งว่าเราทุกคนคือทีมไต้หวัน เราทำงานร่วมกัน และเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ" ไล่ ชิงเต๋อกล่าว.