ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและเลบานอนจะมีผลบังคับใช้ในช่วงเช้าของวันพุธ ขณะที่เนทันยาฮูพร้อมสงบศึกกับฮิซบุลเลาะห์ และจะมุ่งความสนใจไปที่กลุ่มฮามาสและอิหร่านซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวแถลงการณ์ประกาศความสำเร็จของข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน ที่สวนกุหลาบของทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน (Photo by SAUL LOEB / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและเลบานอน ซึ่งหมายถึงรวมถึงการหยุดปฏิบัติการของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์
ตามแถลงการณ์ของไบเดนที่ทำเนียบขาว การหยุดยิงในเลบานอนจะเริ่มขึ้นในเวลา 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ (09.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) หลังจากสำนักงานของเนทันยาฮูยืนยันว่ารัฐมนตรีของเขาได้อนุมัติข้อตกลงดังกล่าวแล้ว
สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุว่า รัฐมนตรี 10 คนลงคะแนนเห็นด้วยกับข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าว และมี 1 คนที่ไม่เห็นด้วย
เนื่องด้วยสหรัฐฯเป็นพันธมิตรและผู้สนับสนุนทางทหารรายสำคัญของอิสราเอล ไบเดนจึงร่วมยกย่องข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็นทั้งข่าวดีและจุดเริ่มต้นใหม่สำหรับเลบานอน
เนทันยาฮูเองก็ได้ขอบคุณไบเดนสำหรับการมีส่วนร่วมของเขาในการไกล่เกลี่ยข้อตกลงดังกล่าว
สหรัฐฯ, สหภาพยุโรป, สหประชาชาติ และกลุ่มจี7 ต่างผลักดันให้ยุติการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ที่อิหร่านหนุนหลัง หลังจากเกิดความรุนแรงมานานกว่า 1 ปี
ไบเดนและประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสเชื่อว่า การหยุดยิงจะปกป้องอิสราเอลจากกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และสร้างเงื่อนไขสำหรับ "ความสงบสุขที่ยั่งยืน"
นอกจากนี้ สหรัฐฯ และฝรั่งเศสยังออกแถลงการณ์ร่วมรับรองว่าข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวจะได้รับการนำไปปฏิบัติอย่างเต็มที่
ในการแถลงทางโทรทัศน์ก่อนการลงมติของคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่า "ระยะเวลาของการหยุดยิงขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในเลบานอนต่อจากนี้"
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นให้หลังการโจมตีหนักที่สุดในกรุงเบรุต ซึ่งรวมถึงการโจมตีหลายครั้งในใจกลางเมือง นับตั้งแต่ที่อิสราเอลยกระดับการโจมตีทางอากาศในเลบานอนเมื่อปลายเดือนกันยายน ก่อนที่จะส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไป
แม้เนทันยาฮูได้กล่าวแถลงทางโทรทัศน์เกี่ยวกับการหยุดยิง แต่การโจมตียังคงดำเนินต่อไปก่อนข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ โดยย่านการค้าใจกลางเมืองฮัมราเป็นพื้นที่ล่าสุดที่ถูกยิงถล่ม
เช่นเดียวกับฝั่งของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ซึ่งยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการหยุดยิง แต่อ้างว่าเป็นผู้รับผิดชอบต่อการโจมตีทางตอนเหนือของอิสราเอล
ทั้งนี้ กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ไม่ได้เข้าร่วมการเจรจาหยุดยิงโดยตรง แต่มอบหมายให้นาบีห์ เบอร์รี ประธานรัฐสภาเลบานอนทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยแทนกลุ่มของตน
ก่อนหน้านี้ แรงกดดันให้อิสราเอลยอมรับข้อตกลงดังกล่าวมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G7 เรียกร้องให้ "หยุดยิงทันที" เมื่อวันอังคาร
ขณะที่นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิคาติ ของเลบานอนเรียกร้องให้ประชาคมโลกดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าการหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ โดยกล่าวว่าเขามุ่งมั่นที่จะเร่งเสริมกำลังกองทัพในเลบานอนตอนใต้ ตามเงื่อนไขในข้อตกลงดังกล่าว
กลุ่มฮิซบุลเลาะห์เป็นกลุ่มติดอาวุธกลุ่มเดียวที่ปฏิเสธการวางอาวุธหลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองในเลบานอนระหว่างปี ค.ศ. 1975-1990
จนถึงปัจจุบัน กลุ่มติดอาวุธนี้ยังคงรักษาความแข็งแกร่งในเลบานอนตอนใต้ ในสถานะที่ยิ่งใหญ่กว่ากองทัพแห่งชาติด้วยซ้ำ
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า ข้อตกลงหยุดยิงนี้ได้รับการออกแบบให้เป็น "การยุติการสู้รบอย่างถาวร" ระหว่างอิสราเอลและฮิซบุลเลาะห์
"ภายใต้ข้อตกลง กองทัพเลบานอนจะเข้าควบคุมพื้นที่ชายแดนในฝั่งของตน และสิ่งที่เหลืออยู่ของฮิซบุลเลาะห์หรือองค์กรก่อการร้ายอื่นๆ จะไม่ได้รับอนุญาตให้คุกคามความปลอดภัยของอิสราเอลอีก" ไบเดนกล่าว
เนทันยาฮูกล่าวในแถลงการณ์ของเขาว่า อิสราเอลจะรักษาเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการดำเนินการ แม้ข้อตกลงหยุดยิงบังคับใช้แล้วก็ตาม
เขากล่าวว่าการสงบศึกในเลบานอนจะทำให้อิสราเอลสามารถเปลี่ยนความมุ่งมั่นกลับไปที่ฉนวนกาซาในการสู้รบกับกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นพันธมิตรของฮิซบุลเลาะห์มาตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว
"เมื่อฮิซบุลเลาะห์หยุดปฏิบัติการโจมตี ฮามาสก็จะต้องต่อสู้เพียงลำพัง และแรงกดดันของเราที่มีต่อพวกเขาจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น" ผู้นำอิสราเอลกล่าว และเสริมว่าข้อตกลงหยุดยิงจะช่วยให้อิสราเอลสามารถมุ่งเน้นไปที่ภัยคุกคามจากอิหร่าน และให้เวลากองทัพในการส่งเสบียงเพิ่มเติม
อิหร่านเป็นผู้สนับสนุนหลักของทั้งฮิซบุลเลาะห์และฮามาส รวมถึงตัวแทนในภูมิภาคอื่นๆ ที่อ้างว่ากำลังทำสงครามกับอิสราเอล
อิหร่านเองได้ยิงขีปนาวุธและโดรนโจมตีอิสราเอลไปแล้ว 2 ครั้งนับตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ถูกอิสราเอลหรือพันธมิตรสกัดกั้นไว้ได้
การหยุดยิงต้องเผชิญกับการต่อต้านจากภายในกลุ่มพันธมิตรของเนทันยาฮูเอง โดยอิตามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติฝ่ายขวาจัดกล่าวว่า การหยุดยิงครั้งนี้จะทำให้อิสราเอลเสียโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการกำจัดฮิซบุลเลาะห์ให้สิ้นซาก
ผลสำรวจความคิดเห็นจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 12 ของอิสราเอลระบุว่า มีชาวอิสราเอลถึง 37% ที่สนับสนุนข้อตกลงดังกล่าว, 32% ไม่เห็นด้วย และ 31% ระบุว่าไม่แน่ใจ
การแถลงของเนทันยาฮูตามมาด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่องในใจกลางกรุงเบรุต รวมถึงที่มั่นของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเขตชานเมืองทางตอนใต้
สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนรายงานว่า การโจมตี 3 ครั้งเกิดขึ้นที่ย่านนไวรีในใจกลางกรุงเบรุต และทำลายอาคาร 4 ชั้นซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้พลัดถิ่น
กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนกล่าวว่า การโจมตีครั้งแรกทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บ 37 คน
กองทัพอิสราเอลกล่าวว่าได้โจมตีเป้าหมายของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเบรุต รวมถึง "ส่วนประกอบระบบการเงินของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์" ตลอดจนเป้าหมายอื่นๆ อีกมากมายในเลบานอนตอนใต้
กองกำลังของอิสราเอลยังได้เข้าร่วมในการสู้รบระยะประชิดตัวกับผู้ก่อการร้าย และทำลายคลังอาวุธที่ซ่อนไว้ในระหว่างการบุกโจมตีพื้นที่แม่น้ำลิตานีใกล้กับชายแดน
ฮิซบุลเลาะห์ได้กล่าวไว้ว่า การโจมตีอิสราเอลถือเป็นการสนับสนุนที่มีต่อกลุ่มฮามาสซึ่งก่อเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 และจุดชนวนให้เกิดสงครามในฉนวนกาซา
เลบานอนระบุว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศอย่างน้อย 3,823 รายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 โดยการเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทางการระบุว่าฝ่ายอิสราเอลมีความขัดแย้งกับฮิซบุลเลาะห์จนมีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 82 นายและพลเรือนอีก 47 ราย
การโจมตีตอบโต้ข้ามพรมแดนของสองฝ่ายในช่วงแรกทำให้ชาวอิสราเอลหลายหมื่นคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และกำลังรอความหวังในการกลับบ้านอย่างปลอดภัยได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ความพยายามอย่างต่อเนื่องในปีนี้ของผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อบรรลุข้อตกลงสงบศึกและปล่อยตัวตัวประกันในสงครามกาซา กลับล้มเหลว
แต่แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่าการหยุดยิงในเลบานอนอาจเปลี่ยนแปลงความล้มเหลวดังกล่าวได้ โดยเชื่อว่าการคลี่คลายความตึงเครียดในภูมิภาคอาจช่วยให้เกิดบรรยากาศที่ดีสำหรับการยุติความขัดแย้งในฉนวนกาซาได้
การโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้วส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,207 ราย ขณะที่การตอบโต้ของอิสราเอลด้วยการโจมตีในฉนวนกาซาทำให้มีผู้เสียชีวิต 44,249 ราย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อิสราเอลต้องการ 'ซีเรียในแบบอื่น'
หลังจากการโค่นล้มบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย กองทัพอิสราเอลได้ดำเนินการโจมตีเป้าหมายทางทหารในซีเรียรวมแล้วประมาณ 480 ครั้งนับตั้งแต่วั
หมายจับ ICC มีผลบังคับใช้กับ 'เบนจามิน เนทันยาฮู' หรือไม่?
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลถูกขู่ด้วยหมายจับ แต่มีข้อสงสัยในฝรั่งเศสว่า เขาจะถูกดำเนินการตา
ฝนและความหนาวเย็นทำให้สถานการณ์ของผู้พลัดถิ่นและตัวประกันในฉนวนกาซารุนแรงขึ้น
ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ในฉนวนกาซาต้องพลัดถิ่นตั้งแต่เริ่มสงคราม ขณะนี้พวกเขากำลังเผชิญกับภาว