ปูตินเผย ตะวันตกช่วยยูเครนโจมตีรัสเซีย ทำให้สงครามขยายตัวสู่ระดับโลก

วลาดิมีร์ ปูตินกล่าวว่าความขัดแย้งในยูเครนมีลักษณะเฉพาะของสงคราม "ระดับโลก" และพร้อมวางกลยุทธ์โจมตีชาติตะวันตก

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียกล่าวแถลงทางโทรทัศน์ต่อประชาชน ที่พระราชวังเครมลินในกรุงมอสโก เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน (Photo by Vyacheslav PROKOFYEV / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียออกแถลงการณ์ต่อประชาชนผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ โดยมุ่งประเด็นสงครามกับยูเครน และการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นต่อชาติตะวันตกที่สนับสนุนอาวุธในการมุ่งร้ายรัสเซีย

ผู้นำรัสเซียออกมาพูดหลังจากผ่านวันที่ตึงเครียด โดยรัสเซียทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยกลางรุ่นใหม่ไปที่ยูเครน ซึ่งปูตินแย้มว่าขีปนาวุธดังกล่าวสามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ได้

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนประณามการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการยกระดับขอบเขตและความโหดร้ายของสงครามโดย "เพื่อนบ้านที่บ้าคลั่ง" ขณะที่สหรัฐซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของรัฐบาลเคียฟกล่าวว่า รัสเซียมีส่วนผิดที่ทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในทุก ๆ ทาง

ขีปนาวุธพิสัยกลางโดยทั่วไปจะมีระยะยิงไกลถึง 5,500 กิโลเมตร ซึ่งเพียงพอที่ปูตินจะโจมตีชาติตะวันตกได้

ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวต่อประเทศชาติอย่างท้าทาย โดยตำหนิพันธมิตรของยูเครนที่อนุญาตให้รัฐบาลเคียฟใช้อาวุธที่ตะวันตกจัดหาให้ในการโจมตีดินแดนของรัสเซีย พร้อมเตือนว่าอาจเกิดการตอบโต้

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธที่สหรัฐฯ และอังกฤษจัดหาให้ในการโจมตีดินแดนของรัสเซียเป็นครั้งแรก ทำให้ความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นอยู่แล้วยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

ปูตินกล่าวว่า "เราถือว่าเรามีสิทธิที่จะใช้อาวุธของเราโจมตีฐานทัพของประเทศต่างๆ ที่อนุญาตให้ใช้อาวุธของพวกเขาโจมตีฐานทัพของเรา"

เขากล่าวว่า ระบบขีปนาวุธยุทธวิธีของกองทัพบกสหรัฐ (ATACMS) และขีปนาวุธ Storm Shadow ของอังกฤษถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียยิงตกทั้งหมด และเสริมว่า "เป้าหมายที่ศัตรูตั้งไว้ เห็นได้ชัดเจนว่าไม่สำเร็จ"

อย่างไรก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลมอสโกกล่าวว่า รัสเซียได้แจ้งต่อสหรัฐฯครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางใส่ยูเครน เพราะรัสเซียต้องการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ และได้ปรับปรุงกฎเกณฑ์นโยบายด้านนิวเคลียร์ในสัปดาห์นี้

คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนท่าทีด้านนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้การปรับเปลี่ยนของรัสเซีย

ก่อนหน้านี้ ยูเครนกล่าวหาว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่สหรัฐกลับมองข้ามข้อกล่าวหาดังกล่าว

กองทัพอากาศยูเครนกล่าวว่า การยิงขีปนาวุธดังกล่าวของรัสเซียเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีทางอากาศในดนิโปร ซึ่งทางการท้องถิ่นระบุว่าโครงสร้างพื้นฐานแห่งหนึ่งถูกโจมตี และมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 2 คน

ปูตินกล่าวว่า รัสเซียได้ดำเนินการ "ทดสอบระบบขีปนาวุธใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า "โอเรชนิก (Oreshnik)" ในสถานการณ์การสู้รบจริง

ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวถึงการตอบสนองจากทั่วโลกต่อการโจมตีครั้งนี้ว่า "เป็นหลักฐานสุดท้ายที่พิสูจน์ได้ว่ารัสเซียไม่ต้องการสันติภาพ" และเตือนว่าประเทศอื่นๆ อาจกลายเป็นเป้าหมายของปูตินด้วยเช่นกัน

ผู้นำยูเครนกล่าวในคำปราศรัยตอนเย็นว่า "จำเป็นต้องเร่งรัดให้รัสเซียบรรลุสันติภาพที่แท้จริง ซึ่งทำได้ด้วยการใช้กำลังเท่านั้น มิฉะนั้น รัสเซียจะโจมตีไม่หยุดหย่อน, คุกคาม และทำลายเสถียรภาพ ไม่ใช่แค่กับยูเครนเท่านั้น"

การโจมตีที่ดนิโปรเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากสถานทูตต่างประเทศหลายแห่งปิดทำการชั่วคราวในเมืองหลวงของยูเครน โดยอ้างถึงภัยคุกคามจากการโจมตีครั้งใหญ่

สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของเลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่า "การติดตั้งขีปนาวุธใหม่เป็นพัฒนาการที่น่ากังวลและน่าเป็นห่วง" และเตือนว่าสงครามกำลัง "ดำเนินไปในทิศทางที่ผิด"

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งระบุโดยไม่ขอเปิดเผยชื่อว่า "รัสเซียน่าจะมีขีปนาวุธทดลองประเภทนี้อยู่ในครอบครองเพียงไม่กี่ลูกเท่านั้น ซึ่งไม่น่ากังวลมากนัก"

ทางการดนิโปรระบุว่า การโจมตีทางอากาศของรัสเซียได้สร้างความเสียหายให้กับศูนย์ฟื้นฟูและบ้านหลายหลัง รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งด้วย

"มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน เป็นชายวัย 57 ปี และหญิงวัย 42 ปี" เจ้าหน้าที่กล่าว

รัสเซียและยูเครนได้เพิ่มระดับการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่รัฐบาลวอชิงตันอนุญาตให้ยูเครนใช้ระบบ ATACMS เพื่อโจมตีเป้าหมายทางทหารภายในรัสเซีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยูเครนเรียกร้องมาอย่างยาวนาน

ขณะเดียวกัน สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวันพุธว่ายูเครนได้ยิงขีปนาวุธ Storm Shadow ที่อังกฤษจัดหามาให้ในการโจมตีเป้าหมายในรัสเซีย หลังจากได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลลอนดอน

แต่ระยะยิง 300 และ 250 กิโลเมตรตามลำดับของทั้งขีปนาวุธสหรัฐและอังกฤษ ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับระบบพิสัยกลางทดลองของรัสเซียมาก

ทูตรัสเซียประจำกรุงลอนดอนกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า นั่นหมายความว่าอังกฤษ "มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง" ในสงครามยูเครนแล้ว เพราะการยิงแบบนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหราชอาณาจักรและนาโต

แต่ทำเนียบขาวโต้แย้งว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น โดยชี้ให้เห็นถึงรายงานการส่งทหารเกาหลีเหนือหลายพันนายไปช่วยต่อสู้กับยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ซึ่งเป็นพรมแดนของรัสเซีย

ทำเนียบขาวกล่าวว่า "การทวีความรุนแรงในทุก ๆ ด้านนั้นมาจากรัสเซีย" และเสริมว่าสหรัฐได้เตือนรัสเซียไม่ให้นำชาติอื่นมาเกี่ยวข้อง ซึ่งหมายถึงเกาหลีเหนือ

กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศได้ยิงขีปนาวุธ Storm Shadows ตก 2 ลูก โดยไม่ได้ระบุว่าขีปนาวุธเหล่านั้นตกในดินแดนของรัสเซียหรือในดินแดนยูเครนที่ถูกยึดครอง

การเพิ่มระดับขีปนาวุธกำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของยูเครน เนื่องจากระบบป้องกันของยูเครนกำลังพังทลายลงจากแรงกดดันของรัสเซียในแนวรบที่กว้างใหญ่

รัสเซียอ้างสิทธิในการรุกคืบที่ลึกขึ้นในภูมิภาคโดเนตสค์ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงคราม โดยประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กองกำลังของตนได้ยึดหมู่บ้านอีกแห่งใกล้กับคูราโคเวแล้ว โดยได้ปิดล้อมเมืองนี้หลังจากที่รุกคืบอย่างต่อเนื่องมาหลายเดือน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรีเยอรมนีทำเซอร์ไพรส์ ไปเยือนยูเครนแบบฉุกละหุก

นี่เป็นการเยือนครั้งที่สองของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มสงครามในยูเครน และเป็นการเดินทางเยือนที่ทำให้เกิดคำถาม