กษัตริย์สเปนประสงค์เสด็จเยือนพื้นที่น้ำท่วมอีกครั้ง คราวนี้โดยปราศจากพระราชินี

(สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน ระหว่างเสด็จเยือนพื้นที่ประสบภัยในไปปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย ทางตะวันออกของสเปนเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน – Photo by Manaure Quintero / AFP)

ภัยพิบัติจากพายุในสเปนซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ราย สร้างความไม่พอใจให้พลเมืองทั้งประเทศ สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน ทรงวางแผนเสด็จเยือนพื้นที่ภัยพิบัติอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีสมเด็จพระราชินีเลติเซียร่วมเสด็จ

หนึ่งสัปดาห์หลังจากเกิดจลาจลระหว่างการเสด็จเยือนครั้งแรก สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 มีพระประสงค์จะเสด็จเยือนพื้นที่ประสบภัยอีกครั้งในวันอังคาร พระองค์จะเสด็จเยือนแคว้นบาเลนเซีย ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก “พายุแห่งศตวรรษ” ตามประกาศของสำนักพระราชวังในกรุงมาดริด

มีรายงานว่า ครั้งนี้สมเด็จพระราชินีเลติเซียจะไม่ร่วมเสด็จด้วย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งสองพระองค์ถูกปาโคลนและก่นด่าที่เมืองไปปอร์ตา ไม่ไกลจากเมืองหลวงของจังหวัดบาเลนเซีย

กษัตริย์วัย 56 พรรษาประสงค์จะควบคุมดูแลงานกอบกู้และทำความสะอาดพื้นที่ภัยพิบัติ ซึ่งยังคงดำเนินการอย่างขะมักเขม้น เจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 8,500 นายและเจ้าหน้าที่ 10,000 นายจากสำนักตำรวจแห่งชาติจะปฏิบัติหน้าที่ในชุมชนที่ได้รับผลกระทบประมาณ 80 แห่ง อาคารจำนวนมากยังไม่สามารถเข้าถึงได้หรือเข้าถึงได้ยาก เนื่องจากทางเข้าบางส่วนยังถูกปิดกั้นโดยรถยนต์และอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนที่เสียหาย

จากการประเมินล่าสุดของรัฐบาลกลาง พบว่ามีฝนตกหนัก แผ่นดินถล่ม และน้ำท่วม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 220 ราย มี 212 ศพถูกค้นพบในบาเลนเซียเพียงแห่งเดียว และมีผู้เสียชีวิต 8 รายในพื้นที่ใกล้แคว้นคาสตีล-ลามันชาและอันดาลูเซีย ขณะนี้จำนวนผู้สูญหายอย่างเป็นทางการในบาเลนเซียลดลงจาก 50 เหลือ 41 ราย นอกจากนี้ยังรวมถึง 19 ศพที่ยังไม่มีการระบุอัตลักษณ์ด้วย

11 วันหลังจากเกิดภัยพิบัติ ความไม่พอใจและการวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ของรัฐยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากการให้ความช่วยเหลือที่ล่าช้า เมื่อเย็นวันเสาร์ผู้คนราว 130,000 คนพากันไปรวมตัวกันที่ใจกลางเมืองบาเลนเซีย เมืองหลวงของภูมิภาค เพื่อเรียกร้องให้คาร์ลอส มาซอน-ประธานาธิบดีแคว้น ลาออกจากตำแหน่ง องค์กร 65 แห่ง รวมถึงโครงการริเริ่มของประชาชนและสหภาพแรงงาน เรียกร้องให้มีการชุมนุม โดยผู้เข้าร่วมต่างร้องตะโกน “ฆาตกร ฆาตกร” และ “ลาออก ลาออก”

การปะทะเกิดขึ้นหลังการชุมนุม เป็นภาพวิดีโอแสดงบนเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ Las Provincias ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ กลุ่มหัวรุนแรงร่วมขบวนในตอนท้ายของการชุมนุมประท้วงอย่างสันติ จากนั้นพวกเขาได้ขว้างปาก้อนหิน ขวด และภาชนะติดไฟใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

บ้างก็พยายามบุกโจมตีอาคารของรัฐและจุดไฟเผาหน้าทางเข้าหลัก จึงมีการจับกุมถึงสี่ครั้ง ตามรายงานของสื่อ ผู้ประท้วงขว้างปาโคลนใส่อาคาร ใช้โคลนและสีป้ายบริเวณส่วนหน้าของอาคาร และเขียนคำด่าประธานาธิบดีประจำภูมิภาค

คาร์ลอส มาซอนถูกกล่าวหาว่าเขาได้รับคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วงเช้าของวันที่ 29 ตุลาคมแล้ว ทว่าเขากลับสั่งการให้แจ้งเตือนประชาชนในตอนเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่น้ำในแม่น้ำเริ่มล้นตลิ่ง และเริ่มเกิดเหตุน้ำท่วมรุนแรงแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 13 ไต้ฝุ่น 'หยินซิ่ง' อ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อนแล้ว

นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “หยินซิ่ง” ฉบับที่ 13 โดยมีใจความว่า

อุตุฯ เตือนอากาศเปลี่ยนแปลง เหนือ-อีสานเย็น ยอดภูหนาว ใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้

อุตุฯ ประกาศฉบับ 2 อัปเดตเส้นทางไต้ฝุ่น 'หยินซิ่ง'

นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “หยินซิ่ง” ฉบับที่ 2 โดยมีใจความว่า

พยากรณ์ 10 วันล่วงหน้า ลมหนาวพัดต่อเนื่อง ยอดภูหนาวจัด

กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม. : (นับตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 07.00 น.วันรุ่งขึ้น) และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.)10 วันล่วงหน้า ระหว่าง 8 - 17 พ.ย.67

กรมอุตุฯ ประกาศพายุ 'หยินซิ่ง' ฉบับ 1 เตือนใต้ฝนตกหนักมาก

นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “หยินซิ่ง” ฉบับที่ 1 โดยมีใจความว่า

อุตุฯ เตือนฝนฟ้าคะนอง 31 จังหวัด อีสานอุณหภูมิลดลง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้