ประธานาธิบดีจีนพบปะกับประธานาธิบดีอินโดนีเซียที่มาเยือนปักกิ่ง และหวังว่าจะสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีบทใหม่
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน (ซ้าย) และประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซียเข้าร่วมพิธีต้อนรับที่มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน (Photo by FLORENCE LO / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซียเดินทางเยือนปักกิ่งอย่างเป็นทางการ พร้อมหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
ปักกิ่งจะเป็นจุดแวะพักแรกของการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของผู้นำอินโดนีเซียนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม
ผู้นำจีนจัดพิธีต้อนรับปราโบโวที่ห้องโถงใหญ่แห่งมหาศาลาประชาชน และในการประชุมร่วมกัน ผู้นำจีนกล่าวกับปราโบโวว่า "จีนมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมงานกับอินโดนีเซียเพื่อเขียนบทใหม่ของการพึ่งพาตนเอง, ความสามัคคีและความร่วมมือ, ผลประโยชน์ร่วมกัน และผลลัพธ์ที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับ"
รัฐบาลปักกิ่งและจาการ์ตาถือเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยบริษัทจีนทุ่มเงินเพื่อขุดเอาทรัพยากรธรรมชาติของอินโดนีเซียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนนิกเกิล
แต่ทั้งสองประเทศก็ได้โต้เถียงกันด้วยวาจาเกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน
ผู้นำอินโดนีเซียกล่าวตอบว่า "ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจะมีแต่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ"
"ผมต้องการย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชน และเพื่อความเจริญรุ่งเรือง, สันติภาพ และเสถียรภาพของเอเชียทั้งหมด" ปราโบโวกล่าวเสริม
หลังเสร็จสิ้นการประชุม เจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศได้ลงนามในเอกสารชุดหนึ่ง รวมถึงบันทึกความเข้าใจด้านความปลอดภัยทางทะเลและความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำ
ปราโบโวซึ่งเดินทางมาถึงจีนเมื่อวันศุกร์ มีกำหนดจะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง และจ้าว เล่อจี้ ประธานคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ ระหว่างการเดินทางซึ่งจะสิ้นสุดในวันอาทิตย์
จากนั้นเขาจะเดินทางต่อไปยังวอชิงตัน ตามคำเชิญของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางรอบโลก รวมทั้งเปรู, บราซิล และอังกฤษ
ปราโบโวให้คำมั่นว่ารัฐบาลจาการ์ตาของเขาจะยึดมั่นในนโยบายต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดมาโดยตลอด ในขณะเดียวกันก็จะทำให้ประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลกแห่งนี้มีบทบาทในต่างประเทศมากขึ้น
การเผชิญหน้ากันเกี่ยวกับสิ่งที่อินโดนีเซียกล่าวหาว่าจีนบุกรุกน่านน้ำอาณาเขตของตน ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของสองคู่ค้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในปี 2563 อินโดนีเซียได้ส่งเครื่องบินขับไล่และเรือรบไปลาดตระเวนรอบหมู่เกาะนาตูนาในทะเลจีนใต้ หลังจากเรือของจีนเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าว
เมื่อเดือนที่แล้ว อินโดนีเซียกล่าวว่าได้ขับไล่เรือยามชายฝั่งของจีนออกจากน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ถึงสามครั้ง
อินโดนีเซียระบุว่ากำลังพยายามขัดขวางเรือต่างชาติไม่ให้ทำการประมงในน่านน้ำของตน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เศรษฐกิจเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี
เชื่อกันว่ามีแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จำนวนมหาศาลอยู่ใต้ทะเลจีนใต้ แม้ว่าการประมาณการจะแตกต่างกันมากก็ตาม
รัฐบาลปักกิ่งเองก็พยายามขยายขอบเขตการมีอยู่ของตนในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาทมาหลายปีแล้ว โดยเพิกเฉยต่อคำตัดสินของนานาชาติที่ว่าการอ้างสิทธิ์ในน่านน้ำส่วนใหญ่ไม่มีฐานทางกฎหมาย
จีนได้สร้างเกาะเทียมที่ติดตั้งระบบขีปนาวุธและรันเวย์สำหรับเครื่องบินขับไล่ และส่งเรือยามฝั่งไปลาดตระเวนตามท้องทะเลพิพาท ซึ่งฟิลิปปินส์ระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคามเรือและกีดขวางชาวประมงของตน
การเผชิญหน้าครั้งนี้เป็นการทดสอบเบื้องต้นสำหรับปราโบโว ซึ่งให้คำมั่นว่าจะเสริมสร้างการป้องกันดินแดนของอินโดนีเซีย และจะกล้าหาญในนโยบายต่างประเทศให้มากกว่าโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีคนก่อน ซึ่งให้ความสำคัญกับประเด็นภายในประเทศมากกว่า.