โดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีคะแนนทิ้งห่างกมลา แฮร์ริส และสร้างประวัติศาสตร์การเมืองอันน่าตื่นตะลึงไปทั่วโลก
โดนัลด์ ทรัมป์ และเมลาเนีย ทรัมป์ อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐฯ ยิ้มด้วยความสุขหลังเสร็จสิ้นการกล่าวสุนทรพจน์ในงานกิจกรรมคืนวันเลือกตั้ง ที่ศูนย์การประชุมเวสต์ปาล์มบีช ในรัฐฟลอริดา เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 6 พฤศจิกายน (Photo by Jim WATSON / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2567 กล่าวว่า บทสรุปเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ชัยชนะอย่างเด็ดขาดตกเป็นของโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันที่สามารถกลับสู่ทำเนียบขาวได้อีกครั้ง
ชัยชนะที่แลกมาด้วยความแตกแยกอย่างรุนแรงหลังจากแคมเปญหาเสียงที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกายุคใหม่ ถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาจากการที่เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญา, รอดพ้นความพยายามลอบสังหารอย่างหวุดหวิด และคำตราหน้าว่าเป็น "พวกฟาสซิสต์"
"นี่คือชัยชนะทางการเมืองที่ประเทศของเราไม่เคยประสบมาก่อน" ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 47 กล่าวกับบรรดาผู้สนับสนุนที่ฟลอริดา
ชายวัย 78 ปีผู้นี้กล่าวเสริมว่าชัยชนะของเขาจะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
ผู้นำโลกตอบสนองสถานการณ์อย่างรวดเร็วด้วยการให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับทรัมป์ โดยเฉพาะอิสราเอลและยูเครนซึ่งทิศทางความขัดแย้งที่พวกเขาเผชิญอาจขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่และนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ที่เน้นการโดดเดี่ยวจากปัญหาของรัฐอื่น
รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสซึ่งเพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันในเดือนกรกฎาคมหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนถอนตัว ได้รณรงค์หาเสียงแบบสายกลางที่เน้นย้ำถึงข้อความยุยงปลุกปั่นของทรัมป์และการใช้ถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติและเพศ
แต่คำเตือนเรื่องวันสิ้นโลกของทรัมป์ที่เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานของผู้อพยพ กลับสร้างความประทับใจให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจหลังโควิดและต้องการการเปลี่ยนแปลงหลังหมดยุคของไบเดน
ชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกและผิวดำ ถูกมองว่าเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่น่าจะเทคะแนนให้กับแฮร์ริส แต่ผลการสำรวจความคิดเห็นกลับเผยว่าพวกเขาเอนเอียงไปทางทรัมป์มากกว่าการเลือกตั้งในปี 2563 เสียอีก
การสำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่าการแข่งขันจะสูสีกันอย่างดุเดือด แต่ผลลัพธ์ออกมาทิ้งห่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ รวมถึงการที่ทรัมป์พลิกกลับสถานการณ์ในรัฐสำคัญอย่างจอร์เจีย, นอร์ทแคโรไลนา, เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซินที่ไบเดนและเดโมแครตเคยชนะเมื่อ 4 ปีก่อน
ทรัมป์สามารถยึดครองรัฐต่างๆ ได้เพียงพอที่จะได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียงที่จำเป็นในการก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี โดยล่าสุดคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของเขาอยู่ที่ 277 เสียง และแฮร์ริสอยู่ที่ 224 เสียง โดยมีอีก 5 รัฐที่ยังไม่ได้ประกาศผล
ดูเหมือนว่าตัวทรัมป์เองจะชนะคะแนนนิยมด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาทำได้จากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 3 ครั้ง
เหมือนเป็นแรงบวก เมื่อพรรครีพับลิกันสามารถยึดครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ทรัมป์สามารถผลักดันวาระของเขาได้สะดวก แม้ว่าผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะยังไม่ได้บทสรุป
ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนแรกในรอบกว่าศตวรรษที่ได้รับชัยชนะเป็นสมัยที่สองแบบเว้นช่วง
เขายังเป็นผู้นำคนเดียวที่ได้รับเลือกในฐานะอาชญากรที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด ซึ่งเขาจะต้องเผชิญการพิพากษาในศาลนิวยอร์กภายใต้ข้อหาฉ้อโกง ในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้
นักธุรกิจผู้หุนหันพลันแล่นและอดีตดารารายการเรียลลิตี้ทีวีกำลังมุ่งหน้าสู่การทำลายสถิติอีกครั้งในฐานะประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดตลอดกาลในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง 4 ปี โดยเขาจะแซงหน้าไบเดนซึ่งจะหมดวาระในเดือนมกราคมด้วยวัย 82 ปี
สถานการณ์เศรษฐกิจตอบรับในด้านบวกหลังทรัมป์ประกาศชัยชนะ โดยค่าเงินดอลลาร์พุ่งสูงขึ้น, หุ้นพุ่งสูงขึ้น และค่าเงินบิตคอยน์แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
แต่ความวุ่นวายด้านสถานการณ์ต่างประเทศน่าจะรออยู่ข้างหน้า
ทรัมป์กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะยุติความขัดแย้งในยูเครนโดยกดดันรัฐบาลเคียฟให้ยกดินแดนให้รัสเซีย และคำขู่ที่จะเนรเทศผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายจำนวนมากก็ทำให้เกิดความกังวลในละตินอเมริกา
นอกจากนี้ เขาจะกลับมายังทำเนียบขาวในฐานะผู้ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เตรียมจะรื้อถอนนโยบายสีเขียวของอดีตประธานาธิบดี และไม่แยแสต่อความพยายามระดับโลกในการควบคุมภาวะโลกร้อนที่เกิดจากมนุษย์
ผู้นำต่างประเทศที่รีบส่งข้อความแสดงความยินดีทรัมป์ มีตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล, นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ไปจนถึงประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน
แม้ความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกตัดลงอย่างรวดเร็วเมื่อไบเดนออกจากตำแหน่ง แต่เซเลนสกียังคงกล่าวด้วยความหวังว่าทรัมป์จะช่วยให้ประเทศของเขาพบกับ "สันติภาพที่ยุติธรรม"
ขณะที่สำนักประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งทรัมป์มักยกย่องเขาอยู่บ่อยครั้ง ไม่ได้วางแผนที่จะแสดงความยินดีกับการกลับมาของเขา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘เอวา ลองโกเรีย’ หันหลังให้กับสหรัฐฯ หลังชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์
ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เอวา ลองโกเรีย สนับสนุนกมลา แฮร์ริสอย่างเสียงดังฟังชัด กระทั่งหลังการเลือกตั้งซึ่งโดนัลด์
'นายกฯอิ๊งค์' ยกไอแพดคุย 'ทรัมป์' แสดงความยินดีชนะเลือกตั้ง ยันไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิ