ประชาชนที่โกรธแค้นได้ขว้างโคลนใส่กษัตริย์, ราชินี และนายกรัฐมนตรีของสเปน พร้อมทั้งตะโกนด่าทอว่าเป็นฆาตกร จนทำให้พวกเขาต้องยุติการเดินทางเยือนเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากอุทกภัยซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 200 ราย
กษัตริย์เฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน (กลาง) ทรงสนทนากับประชาชนที่รายล้อม ขณะที่ประชาชนบางส่วนกำลังตะโกนโห่ไล่พระองค์ ระหว่างการเสด็จเยือนเมืองปายปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย ทางตะวันออกของสเปน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน (Photo by Manaure Quintero / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2567 กล่าวว่า ฝูงชนที่โกรธแค้นในเมืองปายปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย ต้อนรับการมาเยือนของสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน, สมเด็จพระราชินีเลติเซีย และนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ด้วยการขว้างปาโคลนเข้าใส่ เนื่องจากไม่พอใจการตอบสนองล่าช้าต่ออุทกภัยรุนแรงในภูมิภาคนี้ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 ราย
โคลนถูกกระหน่ำใส่พระพักต์และอาภรณ์ของกษัตริย์เฟลิเป และราชินีเลติเซีย ขณะที่ทั้งสองพระองค์พยายามปลอบประโลมอารมณ์ของฝูงชนที่เผชิญภัยน้ำท่วมตลอด 5 วันที่ผ่านมา
ฉากพิเศษนี้แสดงให้เห็นถึงความโกรธแค้นอย่างลึกซึ้งต่อการตอบสนองภัยพิบัติที่เลวร้ายที่สุดของสเปนในรอบหลายทศวรรษ โดยปัจจุบันมีผู้เสียชีวิต 217 ราย และความหวังในการค้นหาผู้รอดชีวิตก็เริ่มเลือนลางลง
กษัตริย์และราชินีเสด็จมาถึงศูนย์บรรเทาวิกฤตในปายปอร์ตา ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของภัยพิบัติที่นายกฯสเปนกล่าวว่าเป็นอุทกภัยที่ร้ายแรงเป็นอันดับสองของยุโรปในศตวรรษนี้
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชั้นพิเศษถูกเรียกมาเพื่อให้การอารักขาระหว่างราชวงศ์และฝูงชนที่โกรธแค้น ซึ่งแท้จริงแล้วควรพุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารัฐบาลภูมิภาคบาเลนเซีย
กษัตริย์และราชินีใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการพยายามสงบอารมณ์ของฝูงชนก่อนจะเสด็จกลับ เช่นเดียวกับนายกฯซานเชซและนักการเมืองท้องถิ่นที่รีบออกจากพื้นที่ แต่ก็ถูกขว้างปาใส่จนกระจกหลังของรถผู้นำสเปนแตก
ซานเชซกล่าวในภายหลังว่า แม้เขาจะเห็นอกเห็นใจต่อความทุกข์ทรมานของผู้ประสบภัย แต่เขาไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดอยู่ในบาเลนเซีย ซึ่งเมื่อเย็นวันอาทิตย์ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสเปนได้ออกประกาศการเตือนภัยสูงสุดสำหรับพายุลูกใหม่ที่จะมาเยือนภูมิภาคนี้
ตำรวจได้ใช้เครื่องขยายเสียงเรียกร้องให้ประชาชนในเบาเลนเซียและบริเวณโดยรอบรีบกลับบ้าน เนื่องจากฝนเริ่มตกหนักแล้ว
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาสเปนคาดการณ์ว่าพายุลูกใหม่จะมีความรุนแรง และจะทำให้เกิดปริมาณฝนสูงถึง 9 เซนติเมตรในหนึ่งชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ สำนักงานฯ คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมในเมืองอัลเมเรียทางตอนใต้ และแนะนำให้ประชาชนไม่เดินทางเว้นแต่จำเป็น
ฝนตกหนักและโคลนถล่มตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้พัดพารถยนต์ไหลไปทั่วเมือง, ทำให้โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ พังทลาย และทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายพันคนต้องเร่งทำความสะอาดเศษซากอย่างบ้าคลั่งเพื่อค้นหาศพ
เจ้าหน้าที่ทางการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากความบกพร่องในการแจ้งเตือนก่อนเกิดน้ำท่วม ขณะที่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบระบุว่าการตอบสนองต่อภัยพิบัติล่าช้าเกินไป
หัวหน้ารัฐบาลภูมิภาคบาเลนเซียเผชิญกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าใช้เวลานานเกินไปในการออกประกาศเตือนภัยทางโทรศัพท์ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าการตอบสนองยังไม่เพียงพอ ทำให้เกิดปัญหามากมายและการขาดแคลนอย่างรุนแรง
รัฐบาลกลางส่งทหาร, ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รักษาความสงบจำนวน 10,000 นายไปยังภูมิภาคบาเลนเซีย ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนกำลังพลครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่หมดยุคสงคราม
รัฐมนตรีคมนาคมสเปนระบุว่า สถานที่บางแห่งอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ทางบกเป็นเวลาหลายสัปดาห์
อาสาสมัครพร้อมอาหาร, น้ำ และอุปกรณ์ทำความสะอาดยังคงให้ความช่วยเหลือในการฟื้นตัว แม้ว่าทางการจะแนะนำให้ผู้คนอยู่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด
เมื่อวันอาทิตย์ รัฐบาลบาเลนเซียจำกัดจำนวนอาสาสมัครที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปยังชานเมืองทางตอนใต้ของเมืองไว้ที่ 2,000 คน และจำกัดการเข้าถึงใน 12 สถานที่
พายุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมเมื่อวันอังคาร ก่อตัวขึ้นจากอากาศเย็นที่เคลื่อนตัวเหนือน่านน้ำเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่น และมักเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ของปี
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์กำลังเพิ่มความรุนแรงและความถี่ของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วดังกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กษัตริย์สเปนประสงค์เสด็จเยือนพื้นที่น้ำท่วมอีกครั้ง คราวนี้โดยปราศจากพระราชินี
ภัยพิบัติจากพายุในสเปนซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ราย สร้างความไม่พอใจให้พลเมืองทั้งประเทศ สมเด็จพระราชาธิบดีเ
'ปชน.' ชงข้อเสนอรัฐบาล ประชุมโลกร้อน 'COP29' เร่งปรับมาตรการเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero
'ปชน.' ชงข้อเสนอ รัฐบาล ในการประชุมโลกร้อน 'COP29' แนะเร่งปรับมาตรการเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero ให้เป็นรูปธรรม-ดันร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เกิดขึ้นภายในครึ่งปีหน้า