'จ่ามี' ถล่มฟิลิปปินส์ หลายเมืองจมอยู่ใต้น้ำ เสียชีวิตแล้ว 66 ราย

เจ้าหน้าที่กู้ภัยฟิลิปปินส์ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ยังคงติดอยู่บนหลังคาบ้านจากน้ำท่วมฉับพลัน ขณะที่พายุโซนร้อนจ่ามีเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลแล้วหลังจากคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 66 ราย

เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์นำเรือแล่นเข้าไปมอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่ติดค้างในพื้นที่น้ำท่วมอันเนื่องมาจากฝนตกหนักที่เกิดจากพายุโซนร้อนจ่ามี ในเมืองนากา จังหวัดกามารีเนสซูร์ ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม (Photo by ZALRIAN SAYAT / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2567 กล่าวว่า พายุโซนร้อน 'จ่ามี' พัดถล่มฟิลิปปินส์ พร้อมทิ้งความเสียหายหนัก ก่อนเคลื่อนตัวออกสู่ทะเล

ผู้คนนับหมื่นยังคงต้องอพยพออกจากบ้านเรือนเพื่อหนีน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันในเวลาเพียง 2 วัน

อังเดร ดิซอน ผู้อำนวยการตำรวจประจำภูมิภาคบิโคลที่ได้รับผลกระทบหนัก กล่าวกับเอเอฟพีว่า "หลายคนยังคงติดอยู่บนหลังคาบ้านและขอความช่วยเหลือ เราหวังว่าน้ำท่วมจะลดลงในวันนี้ เนื่องจากฝนหยุดตกแล้ว"

ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวในการแถลงข่าวว่า การเข้าถึงยังคงเป็นปัญหาสำคัญสำหรับหน่วยกู้ภัย โดยเฉพาะในบิโคล ขณะที่เมืองนากาและเลกัสปีก็มีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่หน่วยกู้ภัยยังไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้

แม้พายุจ่ามีเคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์แล้วในช่วงเช้าตรู่ และมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเหนือทะเลจีนใต้ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจากพายุกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีรายงานผู้ประสบภัยเพิ่มเติมเรื่อยๆ

ตำรวจในจังหวัดบาตังกัส ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา บอกกับเอเอฟพีว่าพบศพนิรนาม 6 ศพในหมู่บ้านซัมปาล็อก โดยพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน และเจ้าหน้าที่ยังอยู่ในพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่ามีผู้เสียชีวิตรายอื่นอีกหรือไม่

ตำรวจยังกล่าวอีกว่ามีผู้เสียชีวิตอีก 5 รายจากน้ำท่วมฉับพลันในหมู่บ้านชายฝั่ง 'ซูบิก อิลายา' ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 66 ราย

แม้กรุงมะนิลาจะรอดพ้นจากน้ำท่วมหนักในครั้งนี้ แต่ก็พบว่าชุมชนย่อยทางตอนใต้บางส่วนจมอยู่ใต้น้ำเป็นส่วนใหญ่

สถานที่ราชการและโรงเรียนทั่วเกาะลูซอนซึ่งเป็นเกาะหลัก ยังคงปิดทำการในวันศุกร์ และยังคงมีการเตือนคลื่นพายุซัดฝั่งอยู่ตลอดแนวชายฝั่งตะวันตก โดยอาจมีคลื่นสูงถึง 2 เมตร

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์กล่าวกับเอเอฟพีว่า จังหวัดบาตังกัสต้องเผชิญกับ "ปริมาณฝนของ 2 เดือน" หรือ 391.3 มิลลิเมตร ภายในช่วงสองวันที่ผ่านมา

รายงานอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีระบุว่าประชาชน 193,000 คนอพยพออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ถนนกลายเป็นแม่น้ำและเมืองบางส่วนถูกฝังอยู่ใต้โคลนจากภูเขาไฟที่พายุพัดพามา

ผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ในเขตบิโคล ซึ่งประชาชนมากกว่า 30,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่เนื่องจากเกิดน้ำท่วมสูง "อย่างไม่คาดคิด"

เจ้าหน้าที่กู้ภัยในเมืองนากาและเทศบาลของภูมิภาคเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่บนหลังคาบ้านโดยใช้เรือยาง ซึ่งหลายคนขอความช่วยเหลือผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดีย

ในเมืองเลเมรีของจังหวัดบาตังกัส ซึ่งอยู่ห่างจากมะนิลาไปทางใต้ประมาณ 97 กิโลเมตร โรงพยาบาลแห่งหนึ่งจำเป็นต้องปฏิเสธผู้ป่วย เนื่องจากห้องปฏิบัติการและห้องฉุกเฉินถูกน้ำท่วมหมด

นอกจากนี้การค้นหาชาวประมงที่สูญหายซึ่งเรือของเขาจมลงในน่านน้ำนอกชายฝั่งจังหวัดบูลาคัน ทางตะวันตกของมะนิลา ต้องหยุดชะงักในวันศุกร์นี้ เนื่องจากกระแสน้ำที่แรงจนเป็นอันตราย.

เพิ่มเพื่อน