เจ้าหน้าที่กู้ภัยฟิลิปปินส์ลุยน้ำท่วมสูงถึงหน้าอกเพื่อไปช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน 'จ่ามี' ซึ่งล่าสุดคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 7 ราย และทำให้ต้องอพยพอีกหลายพันคน
ยานพาหนะจำนวนมากถูกฝังอยู่ใต้เถ้าภูเขาไฟที่ไหลจากภูเขาไฟมายอน จากอิทธิพลของฝนตกหนักเพราะพายุโซนร้อนจ่ามี ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองกีโนบาตัน จังหวัดอัลเบย์ ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม (Photo by Charism SAYAT / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 23 ตุลาคม 2567 กล่าวว่า พายุโซนร้อน 'จ่ามี' กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งตะวันออกของฟิลิปปินส์ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
ฝนที่ตกหนักจากพายุทำให้ถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำ เช่นเดียวกับอาคารบ้านเรือนของชุมชนหลายแห่ง ซ้ำเติมด้วยตะกอนภูเขาไฟที่ตกลงมาทับถมในหลายพื้นที่
ตำรวจเผยว่าประชาชนอย่างน้อย 32,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนทางภาคเหนือ ขณะที่พายุเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศ
ในเขตบิโคลซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 400 กิโลเมตร เกิดน้ำท่วมสูงอย่างไม่คาดคิด ทำให้การกู้ภัยมีความซับซ้อนมากขึ้น
โฆษกตำรวจประจำภูมิภาคกล่าวกับเอเอฟพีว่า "เราได้ส่งหน่วยกู้ภัยไปแล้ว แต่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่บางส่วนได้ เนื่องจากน้ำท่วมสูงและกระแสน้ำแรงมาก"
มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 รายในรถบัสที่ถูกน้ำท่วมพัดพาไปในเมืองนากาของเขตบิโคลซึ่งมีผู้เสียชีวิตอีก 3 รายจากเหตุอื่นๆ
หญิงชรารายหนึ่งจมน้ำเสียชีวิตในจังหวัดเกซอนทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวง ขณะที่เด็กรายหนึ่งเสียชีวิตหลังจากตกลงไปในคลองที่ถูกน้ำท่วม และผู้เสียชีวิตอีก 1 รายจากกิ่งไม้ที่ตกลงมาทับ
หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ศูนย์กลางของพายุอยู่ห่างจากจังหวัดออโรราของเกาะลูซอนไปทางทิศตะวันออก 160 กิโลเมตร โดยมีความเร็วลมสูงสุดต่อเนื่อง 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คาดว่าพายุจะพัดเข้าสู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือใกล้กับเมืองดิวิลากัน ในเวลา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
ในเมืองนากา กว่าครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านทั้ง 600 แห่งจมอยู่ใต้น้ำท่วมสูง
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวในการประชุมฉุกเฉินของหน่วยงานรัฐบาลเมื่อเช้าวันพุธว่า "สิ่งที่เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึง ผมรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะเราทำได้แค่นั่งนิ่งๆ, รอคอย และภาวนาว่าจะไม่มีความเสียหายมากเกินไป รวมถึงการเสียชีวิต"
ประชาชนในบิโคลได้รับการช่วยเหลือไปยังศูนย์อพยพประมาณ 2,500 แห่งซึ่งกระจายอยู่ทั่วภูมิภาค
เจ้าหน้าที่ยังได้อพยพผู้คน 216 คนออกจากชายฝั่งใกล้เมืองดิวิลากัน และอีก 60 คนจากเทศบาลปาลานันที่อยู่ใกล้เคียง หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่ามีความเสี่ยงปานกลางถึงมากต่อการเกิดคลื่นพายุซัดฝั่งที่คุกคามชีวิต
ทั้งนี้ พายุลูกใหญ่ประมาณ 20 ลูกพัดถล่มฟิลิปปินส์หรือพื้นที่น่านน้ำโดยรอบทุกปี ทำให้บ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหาย และคร่าชีวิตผู้คนไปหลายสิบราย
แม้พายุรุนแรงเป็นเรื่องปกติในภูมิภาคนี้ แต่การศึกษาล่าสุดเผยว่าพายุที่มีความรุนแรงเหล่านั้นก่อตัวใกล้ชายฝั่งมากขึ้นเรื่อยๆ, รุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และกินเวลานานขึ้นเมื่อขึ้นฝั่ง โดยทั้งหมดมีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กทม.ร้องเพลงรอลมหนาวต่อไปซ้ำร้ายอุณหภูมิสูงขึ้นด้วย
กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าในลักษณะทั่วไป
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 13 ไต้ฝุ่น 'หยินซิ่ง' อ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อนแล้ว
นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “หยินซิ่ง” ฉบับที่ 13 โดยมีใจความว่า