รัฐสมรภูมิทั้ง 7 แห่งนี้อาจตัดสินตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้

สติ๊กเกอร์ "ฉันลงคะแนนเสียง" เพื่อรณรงค์การลงคะแนนเสียงล่วงหน้าในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2024 ที่เมืองชิคาโก ในรัฐอิลลินอยส์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม (Photo by KAMIL KRZACZYNSKI / AFP)

Swing State หรือรัฐสมรภูมิ เป็นรัฐที่ประชากรมีความคิดทางการเมืองแตกต่างกันในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งคาดเดาผลคะแนนเสียงได้ยากและสามารถพลิกผันได้ตลอดเวลา

กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกันยุคใหม่

และในรัฐสำคัญไม่กี่แห่งที่เตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งในปี 2024 นั้นแทบไม่มีแสงสว่างระหว่างคู่แข่งขันทั้งสองเลย โดยเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียวก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน

ภายใต้รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งประเทศได้กำหนดให้รัฐทั้ง 50 รัฐจะลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีของตนเอง

จากนั้น ภายใต้ระบบคณะผู้เลือกตั้งที่ซับซ้อน รัฐแต่ละรัฐจะมี "คณะผู้เลือกตั้ง" จำนวนหนึ่งตามจำนวนประชากร รัฐส่วนใหญ่มีระบบ "ผู้ชนะกินรวบ" ซึ่งจะมอบผู้เลือกตั้งทั้งหมดให้กับผู้ที่ชนะคะแนนนิยม

ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต้องได้รับเลือกจากผู้เลือกตั้ง 270 คนจากทั้งหมด 538 คนจึงจะชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นผลคะแนนส่วนใหญ่จึงมักจะตัดสินกันใน "รัฐสมรภูมิ" ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยมีสถิติการสลับกันชนะระหว่างผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตอยู่ตลอด

ปีนี้มีสมรภูมิดังกล่าวถึง 7 แห่ง และแทบทุกแห่งล้วนแต่เป็นการแข่งขันกันอย่างสูสี ดังต่อไปนี้

- เพนซิลเวเนีย (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 19 คะแนน) -

เพนซิลเวเนียเคยเป็นรัฐที่เดโมแครตได้รับคะแนนเสมอมา แต่ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันสามารถเอาชนะสมรภูมิที่มีประชากร 13 ล้านคนแห่งนี้ในปี 2016 และโจ ไบเดนกลับมาชนะในปี 2020

เพนซิลเวเนียประสบปัญหามานานหลายทศวรรษจากการที่ฐานการผลิตทางอุตสาหกรรมลดลงอย่างต่อเนื่อง

โดนัลด์ ทรัมป์และกมลา แฮร์ริสหาเสียงในรัฐทางตะวันออกแห่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทรัมป์ซึ่งรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารในการชุมนุมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่นั่น ได้กลับไปหาเสียงอีกครั้งในสัปดาห์นี้ เพื่อเอาใจประชากรผิวขาวในชนบท และเตือนว่าปัญหาผู้อพยพกำลังกัดกินพื้นที่เหล่านี้

ขณะที่แฮร์ริสพูดถึงชัยชนะด้านโครงสร้างพื้นฐานล่าสุด และในเมืองพิตต์สเบิร์กซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัฐแห่งนี้ เธอได้ร่างแผนการลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ในภาคการผลิต เพื่อเป็นฐานในการฟื้นฟูรัฐ

- จอร์เจีย (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 คะแนน) -

รัฐทางตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้จุดชนวนความขัดแย้งในช่วงท้ายวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ และความขัดแย้งดังกล่าวยังคงคุกรุ่น

อัยการจอร์เจียฟ้องทรัมป์ในคดีแทรกแซงการเลือกตั้ง หลังจากที่ทรัมป์โทรหาเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อขอให้พวกเขาหาวิธีที่ทำให้คะแนนเสียงมากเพียงพอเพื่อพลิกกลับมาชนะไบเดนในปี 2020

แต่เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบให้กับทรัมป์ คดีนี้จึงถูกระงับไว้จนกว่าจะเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง

ไบเดนเป็นเดโมแครตคนแรกที่ชนะในรัฐนี้ตั้งแต่ปี 1992 และการเปลี่ยนแปลงทางประชากรน่าจะส่งผลดีต่อแฮร์ริส ซึ่งได้เอาใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อยทั่วจอร์เจีย

- นอร์ทแคโรไลนา (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 คะแนน) -

รัฐทางตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ได้ลงคะแนนให้พรรคเดโมแครตเพียงครั้งเดียวตั้งแต่ปี 1980 แต่แฮร์ริสเชื่อว่าพรรคของเธอจะกลับมาสู้ได้ในครั้งนี้

ปัจจุบันประชากรมากกว่า 10 ล้านคนกำลังขยายตัวและมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อพรรคเดโมแครต

เรื่องอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐจากพรรครีพับลิกันทำให้สถานการณ์ของทรัมป์ซับซ้อนขึ้น ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่พรรคฯกังวลมาก เนื่องจากเรื่องดังกล่าวอาจทำให้ทรัมป์พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่สูสี

เช่นเดียวกับจอร์เจียซึ่งเป็นรัฐเพื่อนบ้าน ไพ่ใบสุดท้ายคือความเสียหายจากพายุเฮลีนที่เพิ่งทำลายเมืองต่างๆ ทางตะวันตกของนอร์ทแคโรไลนาไปเมื่อไม่นานนี้ อาจส่งผลต่อคะแนนเสียงไปในทางใดทางหนึ่ง

- มิชิแกน (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 15 คะแนน) -

ทรัมป์พลิกสถานการณ์ในมิชิแกนซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคเดโมแครต และเอาชนะฮิลลารี คลินตันได้ในปี 2016

ไบเดนกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้งในปี 2020 โดยได้รับการสนับสนุนจากคนงานที่เข้าร่วมสหภาพแรงงานและชุมชนคนผิวสีขนาดใหญ่

แต่คราวนี้ แฮร์ริสเสี่ยงที่จะสูญเสียการสนับสนุนจากชุมชนอาหรับอเมริกันจำนวน 200,000 คนที่ประณามการจัดการสงครามอิสราเอล-ฮามาสในฉนวนกาซาของไบเดนและรัฐบาลปัจจุบัน

- แอริโซนา (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 11 คะแนน) -

รัฐแห่งแกรนด์แคนยอนเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการเลือกตั้งสูสีที่สุดในปี 2020 โดยไบเดนชนะด้วยคะแนนเพียง 10,457 คะแนน

ทรัมป์หวังว่าความผิดหวังจากนโยบายตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริสจะทำให้แอริโซนาซึ่งมีพรมแดนติดกับเม็กซิโก กลับมาเป็นฝ่ายเขาอีกครั้ง

แฮร์ริสเดินทางไปที่ชายแดนของแอริโซนาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยให้คำมั่นว่าจะปราบปรามผู้อพยพและทำงานเพื่อฟื้นร่างกฎหมายชายแดน ซึ่งเธอกล่าวว่าทรัมป์พยายามล้มล้างเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง

จากสมรภูมิทั้งหมด แอริโซนาแสดงออกชัดเจนว่าโดนัลด์ ทรัมป์มีคะแนนนำอยู่ 2% จากการสำรวจความคิดเห็น

- วิสคอนซิน (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 คะแนน) -

ฮิลลารี คลินตันแพ้ยับในวิสคอนซินเมื่อปี 2016 แต่ไบเดนนำเดโมแครตพลิกกลับมาชนะอย่างหวุดหวิดในปี 2020

ในครั้งนี้ ทรัมป์มองว่าเขาสามารถเอาชนะได้ จึงจัดการประชุมใหญ่ระดับชาติในช่วงฤดูร้อนที่นั่น

แต่ปัจจุบัน ผลสำรวจความคิดเห็นระบุว่าแฮร์ริสมีคะแนนนำเล็กน้อย

- เนวาดา (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 6 คะแนน) -

ประชากร 3.1 ล้านคนของรัฐนี้ไม่ได้เลือกพรรครีพับลิกันมาตั้งแต่ปี 2004 แต่คะแนนนิยมในตัวทรัมป์ของชาวฮิสแปนิกทำให้รีพับลิกันเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์ได้

ในช่วงต้นของการหาเสียงเลือกตั้ง โดนัลด์ ทรัมป์มีคะแนนนำอย่างมากเมื่อเทียบกับโจ ไบเดน แต่ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการเปลี่ยนตัวผู้แข่งขันของพรรคเดโมแครต กมลา แฮร์ริสซึ่งมีนโยบายส่งเสริมแผนเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ได้ทำลายข้อได้เปรียบนั้นในรัฐทางตะวันตก กระทั่งการดีเบตทางโทรทัศน์ล่าสุดทำให้เธอกลับมามีคะแนนนำได้อย่างน่าประหลาดใจ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผู้ต้องสงสัยเป็นมือสังหาร เคยตั้งค่าหัวโดนัลด์ ทรัมป์

จากการที่ไรอัน เวสลีย์ เราธ์ ได้วางแผนลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะนี้ทางการสหรัฐฯ แถลงว่าผู้ต้องสงสัยวัย 58 ปีรายนี้เคยเขีย