เจ.ดี. แวนซ์ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ และผู้สมัครรองประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน (ซ้าย) และทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา และผู้สมัครรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต จับมือกันในช่วงเริ่มต้นการดีเบตรองประธานาธิบดีซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสนิวส์ ณ ศูนย์กระจายเสียงซีบีเอสในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม (Photo by CHARLY TRIBALLEAU / AFP)
โดยปกติแล้วการดีเบตชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ด้วยการที่โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันและกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตมีคะแนนสูสีกัน ทำให้การดีเบตในนิวยอร์กเมื่อวันอังคารที่ผ่านมามีเดิมพันสูงกว่าปกติ
เจ.ดี. แวนซ์ คู่หูในการชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของทรัมป์ และทิม วอลซ์ ผู้ได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีของแฮร์ริส ต่างก็ทำคะแนนได้ดีในการเผชิญหน้ากันครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากันเพียงครั้งเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คู่ชิงประธานาธิบดีได้รับผลกระทบมากเกินไป
ต่อไปนี้คือ 5 ประเด็นสำคัญจากการดีเบตของว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
- นักการเมืองหน้าใหม่ -
ทิม วอลซ์ซึ่งแทบจะไม่เป็นที่รู้จักบนเวทีระดับประเทศก่อนหน้านี้ ถูกตั้งความหวังในระดับธรรมดา จากการเปรียบเทียบผลการเรียนของเจ.ดี. แวนซ์ ที่เป็น "นักกฎหมายของเยล" กับสถานะอันต่ำต้อยของตัวเองที่เป็นเพียง "ครูโรงเรียนรัฐบาล"
เขาเริ่มต้นได้ไม่ดีนักแต่ก็พัฒนาขึ้นเมื่อเขาผ่อนคลายลงในการสนทนา วอลซ์ขึ้นชื่อว่าเป็นคนอัธยาศัยดี และพยายามแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแบบชาวบ้านเป็นครั้งคราว แต่เขามักจะดูเหมือนตั้งรับ ทำให้สูญเสียเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวมิดเวสต์ไป
เจ.ดี. แวนซ์ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องความสามารถในการใช้คำพูด เข้าสู่การดีเบตภายใต้แรงกดดันที่จะต้องชดเชยผลงานที่ย่ำแย่ของทรัมป์เมื่อเดือนก่อนที่เขาพ่ายแพ้ให้กับแฮร์ริสอย่างยับเยิน
ทรัมป์พลาดโอกาสที่จะโจมตีแฮร์ริสเรื่องการย้ายถิ่นฐานและเงินเฟ้อ เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเป็นของไบเดน ไม่ใช่เธอโดยตรง แต่แวนซ์สามารถทำคะแนนได้ในส่วนที่เจ้านายของเขาทำพลาด
ผู้สมัครทั้งสองคนได้หยิบยกประเด็นนโยบายเฉพาะขึ้นมาพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง, การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ, เศรษฐกิจ หรือวิกฤตเฟนทานิล ซึ่งทำให้การดีเบตกลายเป็นเรื่องไร้สาระมากกว่าการเผชิญหน้าระหว่างทรัมป์กับแฮร์ริส
- ความอึดอัด -
วอลซ์ถูกบังคับให้อธิบายข้อกล่าวอ้างที่ว่าเขาไปฮ่องกงเพื่อดำรงตำแหน่งอาจารย์ในปี 1989 ระหว่างการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมินซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย
แวนซ์เองก็โดนไล่ต้อนจากประเด็นที่เคยวิจารณ์ทรัมป์ว่า "ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งสูงสุดของประเทศ" และ "ทรัมป์อาจเป็นฮิตเลอร์ของอเมริกา" แต่ท้ายที่สุดก็กลับลำและกลายมาเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งเขาแก้ตัวว่าเขาถูกหลอกลวงด้วยเรื่องราวเท็จในสื่อและเขาคิดผิด
- การต่อสู้ด้วยตัวแทน -
การแข่งขันที่แท้จริงระหว่างแฮร์ริสและทรัมป์อาจไม่เกิดขึ้นอีกแล้วทางทีวี เนื่องจากทรัมป์ปฏิเสธที่จะดีเบตอีกครั้งกับแฮร์ริส ดังนั้นว่าที่รองประธานาธิบดีทั้งสองคนของพวกเขาต้องทำหน้าที่ตัวแทนในการฟาดฟันอีกฝ่ายเพื่อช่วงชิงความนิยมมาสู่ฝั่งตน
วอลซ์โจมตีทรัมป์ที่เพิกเฉยต่อคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์, โจมตีทรัมป์ที่โอ้อวดว่าหลีกเลี่ยงภาษี และเร่งเร้าให้พรรครีพับลิกันลงคะแนนเสียงต่อต้านร่างกฎหมายความมั่นคงชายแดนที่เข้มงวดซึ่งพรรคการเมืองทั้งสองพรรคร่วมสนับสนุน
แวนซ์โจมตีแฮร์ริสเรื่องการย้ายถิ่นฐานและกล่าวหาว่าเธอทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนที่อยู่อาศัย จากการอนุญาตให้ผู้อพยพหลายล้านคนเข้ามาในประเทศ
- การตัดเสียงไมโครโฟน -
สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสนิวส์ซึ่งเป็นผู้จัดการดีเบตครั้งนี้กล่าวว่าจะมีการเซ็นเซอร์คำพูดเท็จหรือข้อกล่าวหาลอยๆแบบเรียลไทม์ในระหว่างการดีเบต
มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำอภิปรายของแวนซ์อยู่สองสามครั้งระหว่างออกอากาศ โดยครั้งหนึ่งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ และอีกครั้งเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของผู้อพยพบางส่วน
เมื่อแวนซ์ถูกเซ็นเซอร์กลางอากาศ เขาโกรธมากและเริ่มโต้แย้งกลับ ทำให้ไมโครโฟนของผู้ดีเบตทั้งสองคนถูกปิดเสียงชั่วครู่ขณะที่พวกเขาเริ่มโต้เถียงกันอย่างดุเดือด
- น้ำเสียงที่อ่อนโยนลง -
การดำเนินการต่างๆ ในครั้งนี้ยังคงมีกลิ่นอายของการดีเบตหาเสียงเลือกตั้งแบบที่เคยเกิดขึ้นก่อนยุคโดนัลด์ ทรัมป์ นั่นคือ มุ่งเน้นที่นโยบาย, เลี่ยงการโจมตีส่วนบุคคล และเก็บอาการด้วยความสุภาพเรียบร้อย ต่างจากทรัมป์ที่มักดีเบตด้วยความก้าวร้าวรุนแรงและไม่สนขนบ
มีช่วงเวลาอันแสนอ่อนโยนและเป็นกันเองเมื่อวอลซ์เล่าเรื่องราวที่น่าตกใจเกี่ยวกับกัส ลูกชายวัย 17 ปีของเขาที่เห็นเหตุการณ์ยิงกันในศูนย์ชุมชน ซึ่งแวนซ์แสดงความเข้าใจและปลอบประโลมกลับ
ผู้ดีเบตทั้งสองคนพูดถึงครอบครัวของพวกเขาหลายครั้ง โดยแวนซ์พูดถึงลูกๆ ตัวน้อยที่น่ารักสามคนของเขา
วอลซ์และแวนซ์สิ้นสุดการดีเบตด้วยการจับมือกัน ร่วมกับครอบครัวของพวกเขาที่ขึ้นมาให้กำลังใจบนเวที.