มหาเศรษฐี 10 อันดับแรกของโลก รวยขึ้น 2 เท่าช่วงโควิด

สวนทางโลก ออกซ์แฟมเผยบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 10 อันดับแรกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2 เท่า ในช่วง 2 ปีแรกที่ทั่วโลกผจญกับการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้มีคนยากจนและความเหลื่อมล้ำทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น

แฟ้มภาพ อีลอน มัสก์ บุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกตามการจัดอันดับของฟอร์บส์ในปัจจุบัน (Getty Images)

เอเอฟพีอ้างรายงานของออกซ์แฟม องค์กรการกุศลจากสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 ที่คำนวณความมั่งคั่งของอภิมหาเศรษฐีของโลก 10 อันดับแรก โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่ครอบคลุมและล่าสุดเท่าที่หาได้ รวมถึงใช้รายชื่ออภิมหาเศรษฐีพันล้านปี 2021 ที่รวบรวมไว้โดยนิตยสารฟอร์บส์ รายงานออกซ์แฟมระบุว่า อภิมหาเศรษฐี 10 อันดับแรกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจาก 700,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 1,500,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีทรัพย์สินเพิ่มในอัตราเฉลี่ยวันละ 1,300 ล้านดอลลาร์

ออกซ์แฟมกล่าวว่า ทรัพย์สินของ 10 บุคคลนี้เพิ่มขึ้นในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 มากกว่าในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับภาวะตกต่ำครั้งร้ายแรงที่สุดเมื่อ 14 ปีก่อน

รายงานเรียกสภาพที่เกิดขึ้นว่าเป็น "ความรุนแรงทางเศรษฐกิจ" ที่เหลื่อมล้ำ และว่า ความไม่เท่าเทียมนี้มีส่วนทำให้มีผู้เสียชีวิตวันละ 21,000 คนทุกวัน สืบเนื่องจากขาดการเข้าถึงการดูแลสุขภาพ, ความรุนแรงทางเพศ, ความหิวโหย และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การระบาดของโควิด-19 ทำให้มีคนยากจนทั่วโลกเพิ่ม 160 ล้านคน ผู้ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากความเหลื่อมล้ำที่พุ่งสูงขึ้นคือ ชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ที่ไม่ใช่คนขาวและผู้หญิง

ตามรายชื่อของฟอร์บส์ บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 10 อันดับแรก ได้แก่ อีลอน มัสก์ ผู้บริหารเทสลาและสเปซเอ็กซ์, เจฟฟ์ เบโซส ผู้บริหารแอมะซอน, แลร์รี เพจ และเซอร์เกย์ บริน ที่ร่วมกันก่อตั้งกูเกิล, มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก จากเฟซบุ๊ก, บิล เกตส์ และสตีฟ บัลเมอร์ อดีตซีอีโอไมโครซอฟท์, แลร์รี เอลลิสัน อดีตซีอีโอออราเคิล, วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุน และแบร์นารด์ อาร์โนลต์ ผู้บริหารของหลุยส์วิตตอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อีลอน มัสก์ หนึ่งในคนร่ำรวยระดับโลกที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โดนัลด์ ทรัมป์

โดนัลด์ ทรัมป์ค่อยเบาใจเรื่องเงินทองที่ต้องใช้ในการรณรงค์หาเสียงลงได้บ้าง เมื่ออีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ข

‘หมอธีระ’ ข้องใจตัวเลขโควิด สัปดาห์ก่อนพุ่งอาทิตย์นี้ลดฮวบ ไม่ใช่เรื่องปกติ

สัปดาห์ก่อน ตัวเลขนอนรพ.พุ่งขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านั้นถึง 78% แต่สัปดาห์ล่าสุดนี้ ลดลงฮวบฮาบจากสัปดาห์ก่อนถึง 57.7% ส่วนตัวคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ควรต้อง explore