จีนทำฮือฮา ทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก

จีนทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเมื่อวันพุธ โดยยิงไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก ถือเป็นการเปิดตัวสมรรถภาพทางจรวดครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ

กองกำลังจรวดของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนกำลังทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปพร้อมหัวรบจำลอง ณ สถานที่ที่ไม่เปิดเผย โดยมีเป้าหมายไปตกในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันที่ 25 กันยายน (Photo by HANDOUT / Chinese People's Liberation Army News and Communication Center / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2567 กล่าวว่า จีนเรียกเสียงฮือฮาจากนานาชาติด้วยการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ โดยวิถีการตกอยู่ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก

การยิงขีปนาวุธข้ามดินแดนดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดการประท้วงจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยญี่ปุ่นซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของจีนกล่าวว่าไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า และแสดงความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับการเสริมกำลังทางทหารของรัฐบาลปักกิ่ง

จีนได้เร่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เตือนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่าจีนกำลังพัฒนาคลังอาวุธของตนเร็วกว่าที่สหรัฐฯ คาดไว้

จีนมีหัวรบนิวเคลียร์ที่ใช้งานได้จริงมากกว่า 500 หัวเมื่อปีที่แล้ว และมีแนวโน้มว่าจะมีมากกว่า 1,000 หัวภายในปี 2573

กระทรวงกลาโหมจีนระบุในแถลงการณ์ว่า "กองกำลังจรวดของกองทัพจีนได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งบรรทุกหัวรบจำลองไปสู่ทะเลเปิดในมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อเวลา 08.44 น. ของวันที่ 25 กันยายน และขีปนาวุธดังกล่าวตกในบริเวณทะเลที่คาดหมายในวันเดียวกัน"

นักวิเคราะห์บอกกับเอเอฟพีว่า การทดสอบดังกล่าวเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก และน่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ โดยการทดสอบน่าจะสื่อถึงการปรับปรุงระบบนิวเคลียร์ของจีนที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆที่ติดตั้งในการทดสอบครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมของจีนกล่าวว่าการทดสอบดังกล่าวเป็นการจัดเตรียมตามปกติในแผนการฝึกประจำปี และเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ, แนวทางปฏิบัติระหว่างประเทศ และไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประเทศหรือเป้าหมายใดๆ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯกล่าวว่า สหรัฐฯได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับการทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้ โดยระบุว่าเป็นก้าวแรกในทิศทางที่ถูกต้อง ที่ช่วยป้องกันความรับรู้อย่างผิดๆหรือคลาดเคลื่อน

อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นกล่าวว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าจากฝ่ายจีน และมองว่าการเพิ่มกำลังทหารของรัฐบาลปักกิ่งเป็นข้อกังวลร้ายแรง

ขณะที่ออสเตรเลียกล่าวว่า กำลังเรียกร้องคำอธิบายเกี่ยวกับการทดสอบครั้งนี้ และแสดงความกังวลเกี่ยวกับการกระทำใดๆ ก็ตามที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงและเพิ่มความเสี่ยงในการคาดการณ์ผิดในภูมิภาค

นิวซีแลนด์ผสมโรงว่า การยิงขีปนาวุธลงสู่พื้นที่แปซิฟิกใต้เป็นการกระทำที่ไม่พึงปรารถนาและน่ากังวล โดยรัฐบาลเตรียมหารือกับพันธมิตรในแปซิฟิกเพิ่มเติม

ทั้งนี้ จีนทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปไปยังแปซิฟิกใต้เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี ซึ่งตามปกติแล้วจีนจะทำการทดสอบดังกล่าวในน่านฟ้าของตนเอง

เมื่อเดือนพฤศจิกายน สหรัฐฯและจีนได้หารือเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความไม่ไว้วางใจก่อนการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำโจ ไบเดนและสีจิ้นผิง

แต่ในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลปักกิ่งได้ระงับการเจรจากับสหรัฐเกี่ยวกับการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์และการควบคุมอาวุธ เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลวอชิงตันขายอาวุธให้กับไต้หวัน

ในรายงานประจำปี สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศระบุว่า จีนมีคลังอาวุธนิวเคลียร์มากเป็นอันดับสามของโลก รองจากรัสเซียและสหรัฐฯ

ในปีนี้ รัฐบาลปักกิ่งประกาศว่าจะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอีก 7.2% ซึ่งจะทำให้พวกเขามีขนาดคลังอาวุธที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

การเพิ่มงบประมาณดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่จีนเริ่มเผชิญหน้ากับสหรัฐฯและพันธมิตรในภูมิภาคมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ทะเลจีนใต้ไปจนถึงไต้หวัน

เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงจากจีนและสหรัฐฯได้หารือกันอย่างจริงจังในเดือนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของทั้งสองประเทศที่ต้องการหลีกเลี่ยงความตึงเครียดที่อาจลุกลามจนกลายเป็นความขัดแย้ง

นับตั้งแต่การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 2507 จีนก็พอใจที่จะรักษาคลังอาวุธให้อยู่ในระดับพอประมาณและยืนยันว่าจะไม่เป็นประเทศแรกที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในความขัดแย้งทางทหาร

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงกองทัพครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการอัพเกรดอาวุธนิวเคลียร์เพื่อประโยชน์ทั้งการข่มขวัญศัตรู และการตอบโต้การโจมตี

อย่างไรก็ตาม กองกำลังจรวดลับของรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งทำการทดสอบเมื่อวันพุธและดูแลคลังอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ ก็ตกเป็นเป้าหมายของการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตในวงกว้างเช่นกัน

รัฐบาลประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมว่า ซุน จิ้นหมิง อดีตเสนาธิการของกองกำลังนี้ ถูกสอบสวนในข้อหาทุจริต เช่นเดียวกับหลี่ ชางฟู่ ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมเมื่อปีที่แล้ว และถูกขับออกจากพรรคคอมมิวนิสต์ในปีนี้ หลังจากดำรงตำแหน่งได้เพียงเจ็ดเดือน และหายหน้าหายตาไปจากสายตาประชาชนเป็นเวลานาน.