ฮิซบุลเลาะห์ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลไปยังกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอล หลังอิสราเอลโจมตีทางอากาศระลอกใหม่ในเลบานอน
กลุ่มควันลอยขึ้นจากบริเวณที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่หมู่บ้าน Khiam ทางตอนใต้ของเลบานอน เมื่อวันที่ 25 กันยายน (Photo by Rabih DAHER / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 25 กันยายน 2567 กล่าวว่า กลุ่มฮิซบุลเลาะห์เปิดฉากยิงขีปนาวุธพิสัยไกลไปยังกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงของอิสราเอล เพื่อตอบโต้ที่กองทัพอิสราเอลระดมโจมตีทางอากาศระลอกใหม่ในเลบานอน
ถือเป็นครั้งแรกที่ฮิซบุลเลาะห์อ้างว่าได้โจมตีด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล นับตั้งแต่ต่อสู้กับอิสราเอลมานานเกือบปีในอีกแนวรบหนึ่งของสงครามฉนวนกาซา
ในช่วงเช้า อิสราเอลโจมตีทางอากาศในพื้นที่รอบเลบานอนอีกครั้ง หลังจากการโจมตีเมื่อต้นสัปดาห์นี้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 558 ราย ซึ่งถือเป็นความรุนแรงที่นองเลือดที่สุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองของเลบานอนในปี 1975-1990
กระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนกล่าวว่าการโจมตีเมื่อวันพุธคร่าชีวิตผู้คนไป 15 ราย รวมถึงในพื้นที่ภูเขาที่อยู่นอกฐานที่มั่นดั้งเดิมของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์
เจ้าหน้าที่เลบานอนเผยว่า พลเรือนหลายแสนคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตนเองทางตอนใต้และตะวันออก เพื่อหนีความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
ล่าสุดในกรุงเทลอาวีฟ มีเสียงไซเรนดังขึ้นหลังจากที่กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงเข้าใส่ ซึ่งกองทัพอิสราเอลสามารถสกัดกั้นไว้ได้
ศัตรูคู่อาฆาตอย่างฮิซบุลเลาะห์และอิสราเอลเผชิญหน้ากันแทบทุกวันตั้งแต่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
การโจมตีดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งดึงดูดพันธมิตรอย่างฮิซบุลเลาะห์และกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ ทั่วตะวันออกกลางที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน รวมถึงเยเมนและอิรัก
รัฐมนตรีสาธารณสุขเลบานอนกล่าวว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันจันทร์ เป็นพลเรือนที่ไม่มีอาวุธและต้องตายขณะอยู่ในบ้านของตัวเอง
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกล่าวว่าจะจัดการประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ในนครนิวยอร์ก ขณะที่อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติเตือนว่าสถานการณ์กำลังอยู่ในขั้นวิกฤต
"เราทุกคนควรตื่นตระหนกกับความรุนแรงที่กำลังระอุขึ้นในเลบานอน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นกาซาอีกแห่ง" เลขาธิการสหประชาชาติกล่าว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลของเขาเป็นผู้สนับสนุนหลักของอิสราเอล ได้เตือนถึงสงครามเต็มรูปแบบในเลบานอน ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสหประชาชาติ
"สงครามเต็มรูปแบบไม่เป็นผลดีต่อใคร แม้ว่าสถานการณ์จะทวีความรุนแรงขึ้น แต่การหาทางแก้ไขด้วยวิถีทางการทูตยังคงไม่ปิดตาย" ไบเดนกล่าว
รัฐมนตรีต่างประเทศของเลบานอน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเช่นกัน กล่าวว่า จำนวนชาวเลบานอนที่พลัดถิ่นเพิ่มขึ้นเกือบ 500,000 คน นับตั้งแต่ที่อิสราเอลเพิ่มปฏิบัติการทางทหาร ขณะที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงในซีเรียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า มีประชาชนราว 500 คนข้ามชายแดนเพื่อหลบหนีผลกระทบจากการทิ้งระเบิด
ฮิซบุลเลาะห์อ้างว่าโจมตีอิสราเอล 18 ครั้งเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้า ขณะที่กองทัพอิสราเอลกล่าวว่าโดนยิงจรวดเข้าใส่ประมาณ 300 ลูก
ฮิซบุลเลาะห์ยังยืนยันคำกล่าวอ้างของอิสราเอลที่ว่าได้สังหารอิบราฮิม โคเบสซี ผู้บัญชาการกองกำลังจรวดของตนในการโจมตีกรุงเบรุต
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลเลื่อนการเดินทางไปยังนิวยอร์กเป็นวันพฤหัสบดี ซึ่งเขาจะกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่สมัชชาใหญ่เช่นกัน
สำนักงานของเขาเผยว่า "ในระหว่างวัน นายกรัฐมนตรีจะประชุมกับบรรดาผู้นำเพื่อหารือถึงการดำเนินการโจมตีในเลบานอนต่อไป"
เนทันยาฮูท้าทายคำวิงวอนของนานาชาติที่ให้อดทนอดกลั้น โดยให้คำมั่นเมื่อวันอังคารว่าจะเดินหน้าโจมตีกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ต่อไป
อิหร่านซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ ประณามการโจมตีของอิสราเอล โดยประธานาธิบดีมาซูด ปีเซชเคียนกล่าวว่า "พันธมิตรของอิหร่านจะไม่มีวันโดดเดี่ยวหรือต่อสู้เพียงลำพัง" เช่นเดียวกับอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านที่กล่าวว่า แค่เพียงการสังหารผู้นำ จะไม่มีวันทำให้กลุ่มฮิซบุลเลาะห์พ่ายแพ้ลงได้
แม้ว่าบริเวณชายแดนอิสราเอล-เลบานอนจะเกิดการปะทะกันเกือบทุกวันมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว แต่ความรุนแรงกลับระอุขึ้นอย่างมากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการต่อเนื่องของอุปกรณ์สื่อสารที่ระเบิดพร้อมๆกันซึ่งกลุ่มฮิซบุลเลาะห์กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอลที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 39 รายและบาดเจ็บเกือบ 3,000 คน
จากนั้น อิสราเอลได้โจมตีทางอากาศใส่ฐานที่มั่นทางตอนใต้ของฮิซบุลเลาะห์ในเบรุต ทำให้ผู้บัญชาการทหารระดับสูง, นักรบ และพลเรือนเสียชีวิต
ขณะที่ความพยายามในการยุติสงครามฉนวนกาซาด้วยข้อตกลงหยุดยิงนั้น นอกจากจะไม่เกิดขึ้นแล้ว สงครามยังได้ขยายตัวออกไปกับคู่ขัดแย้งหลักรายใหม่เป็นที่เรียบร้อย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝนและความหนาวเย็นทำให้สถานการณ์ของผู้พลัดถิ่นและตัวประกันในฉนวนกาซารุนแรงขึ้น
ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ในฉนวนกาซาต้องพลัดถิ่นตั้งแต่เริ่มสงคราม ขณะนี้พวกเขากำลังเผชิญกับภาว