ไบเดนร้องขอโลกประชาธิปไตย ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายต่อที่ประชุมยูเอ็น

โจ ไบเดนกล่าวสุนทรพจน์อำลาสหประชาชาติอย่างเศร้าโศก โดยใช้กรณีการตัดสินใจถอนตัวจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อเตือนถึงอันตรายจากเผด็จการผู้มีอำนาจทั่วโลกที่ไม่คำนึงถึงประชาชน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ โบกมือให้กับผู้ฟังขณะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสมัชชาใหญ่สมัยที่ 79 ณ สำนักงานใหญ่แห่งสหประชาชาติในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 24 กันยายน (Photo by ANGELA WEISS / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 25 กันยายน 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯขึ้นกล่าวสุนทรพจน์อำลาเป็นครั้งสุดท้ายต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในนิวยอร์ก พร้อมร้องขอโลกแห่งประชาธิปไตยที่ปราศจากผู้มีอำนาจเผด็จการ

"เพื่อนผู้นำของผม ขอให้ระลึกถึงเสมอว่าบางสิ่งมีความสำคัญมากกว่าการคงไว้ซึ่งอำนาจ" ไบเดนกล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง

ชายวัย 81 ปีกระตุ้นผู้นำโลกให้ยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตยเมื่อเผชิญกับความวุ่นวายและความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเรียกร้องให้สนับสนุนยูเครนและผลักดันสันติภาพในตะวันออกกลาง

แต่เมื่อเหลือเวลาอีกเพียง 6 สัปดาห์ก่อนการลงคะแนนเสียงซึ่งอาจนำโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แข็งกร้าวและขวางโลก กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง ไบเดนปิดท้ายสุนทรพจน์ของเขาโดยอ้างถึงบทเรียนชีวิตการเมืองของตนเอง

"ช่วงฤดูร้อนนี้ ผมต้องตัดสินใจว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองหรือไม่ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เพราะการได้เป็นประธานาธิบดีเป็นเกียรติในชีวิตของผม และยังมีอีกหลายสิ่งที่ผมอยากทำ"

"แม้ว่าผมจะรักงานนี้มาก แต่ผมรักประเทศของผมมากกว่า ผมตัดสินใจว่าหลังจากรับใช้ประชาชนมา 50 ปี ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำรุ่นใหม่จะพาประเทศของผมก้าวไปข้างหน้า"

"ขอให้รับรู้ไว้ว่าในฐานะผู้นำ ประชาชนของพวกคุณคือสิ่งที่มีความสำคัญที่สุด" ไบเดนกล่าว

ไบเดนถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนกรกฎาคม หลังจากการดีเบตทางทีวีที่เพลี่ยงพล้ำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลายเป็นกระแสความกังวลเกี่ยวกับความเฉียบแหลมทางจิตใจของเขา เป็นเหตุให้เขาส่งไม้ต่อให้กับกมลา แฮร์ริส เพื่อเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต

ขณะนี้ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังจับตาดูการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายนอย่างใจจดใจจ่อ ท่ามกลางความกลัวว่าชัยชนะของทรัมป์จะถือเป็นการกลับมาของนโยบายต่างประเทศแนวแข็งกร้าวของเขา

สุนทรพจน์ของไบเดนถือเป็นความพยายามที่จะเล่าขานตำนานของตนเอง ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้ผู้นำโลกคนอื่นๆ ยืนหยัดปกป้องอุดมการณ์ไม่ให้ถูกสั่นคลอนในกรณีที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะกลับมาอีกครั้ง

ไบเดนกล่าวว่าเขาได้เห็นประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งตลอดห้าทศวรรษของการรับใช้สาธารณะ และในขณะที่โลกกำลังสั่นคลอนจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ขอให้เชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆ สามารถดีขึ้นได้ ขอเพียงไม่หวั่นไหว

ไบเดนกล่าวถึงการถอนทหารจากอัฟกานิสถานอย่างกระทันหันในปี 2564 เพื่อยุติการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯตลอดสองทศวรรษ โดยเขาอ้างว่าไม่ต้องการสูญเสียทหารอเมริกันจากระเบิดอีกต่อไป

แม้จะมีประเด็นที่ฟังดูสูงส่งมากมาย แต่สุนทรพจน์ของไบเดนกลับให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับวิธีแก้ไขปัญหานโยบายต่างประเทศที่ทรัมป์หรือแฮร์ริสจะต้องเผชิญหลังจากนี้

ไบเดนเตือนเกี่ยวกับ "สงครามเต็มรูปแบบในเลบานอน" โดยไม่ได้บอกวิธีหลีกเลี่ยง หลังจากที่อิสราเอลโจมตีกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 558 ราย ขณะที่ภารกิจประสานข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส อาจไม่มีวันสำเร็จในยุคสมัยของเขา

เกี่ยวกับยูเครน ไบเดนยืนกรานว่าปูตินจะล้มเหลวในสงครามครั้งนี้ และย้ำให้พันธมิตรของยูเครนอย่าเพิ่งเบื่อหน่ายกับการสนับสนุนที่ยังไม่รู้วันจบ

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าการอำลาของไบเดนต่อสหประชาชาติดูมีนัยแห่งความพยายามเพื่อรักษามรดกทางการเมืองให้กับพรรคเดโมแครตในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง มากกว่าจะลงลึกในรายละเอียดวิกฤตสำคัญของโลกที่กำลังเกิดขึ้น.

เพิ่มเพื่อน