อุทกภัยและดินถล่มในภาคกลางของญี่ปุ่น คร่าชีวิตผู้คนไป 7 ราย

เจ้าหน้าที่ค้นหาผู้ประสบภัยตามตลิ่งแม่น้ำที่เต็มไปด้วยเศษซากทางตอนกลางของญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์ หลังจากที่บ้านเรือนถูกน้ำพัดหายไปเพราะอุทกภัยและดินถล่ม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย

รถยนต์คันหนึ่งติดอยู่บนถนนที่ปกคลุมไปด้วยโคลนหลังจากฝนตกหนักในเมืองวาจิมะ จังหวัดอิชิกาวะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 กันยายน (Photo by Yuichi YAMAZAKI / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2567 กล่าวว่า เกิดภาวะน้ำท่วมหนักและดินโคลนถล่มในเมืองวาจิมะ จังหวัดอิชิกาวะ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น ทำให้บ้านเรือนถูกน้ำพัดเสียหาย และบางส่วนจมอยู่ใต้โคลน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย

แม่น้ำบนคาบสมุทรโนโตะซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อเดือนมกราคม ได้เอ่อล้นตลิ่งในช่วงสุดสัปดาห์ กลายเป็นน้ำโคลนที่ท่วมถนนและหมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกล

ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากทั่วญี่ปุ่น ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ ช่วยกันค้นหาผู้สูญหายจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีเด็กหญิงวัย 14 ปี เป็น 1 ใน 7 คนที่ยังไม่ทราบสถานะ

ทั้งนี้ ฝนตกหนักทั่วพื้นที่ตั้งแต่วันเสาร์ โดยวัดปริมาณน้ำฝนได้กว่า 540 มิลลิเมตร (21 นิ้ว) ที่เมืองวาจิมะในช่วง 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่มีข้อมูลเปรียบเทียบ

ภัยพิบัติจากน้ำท่วมเกิดขึ้นในขณะที่พื้นที่กำลังฟื้นตัวจากแผ่นดินไหวขนาด 7.5 แม็กนิจูดเมื่อวันปีใหม่ ซึ่งทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่ม, ก่อให้เกิดคลื่นสึนามิ, เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ และคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 374 ราย โดยน้ำท่วมครั้งล่าสุดนี้ได้พัดพาบ้านพักฉุกเฉินที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ที่สูญเสียบ้านเรือนไปในแผ่นดินไหวดังกล่าว

เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ บ้านเรือนราว 3,700 หลังคาเรือนยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่พื้นที่มากกว่า 100 แห่งในภูมิภาคนี้ถูกตัดขาด เนื่องจากถนนถูกปิดเพราะดินถล่ม

เมืองวาจิมะซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากแผ่นดินไหว จมอยู่ใต้แอ่งน้ำสกปรกและกิ่งไม้กองพะเนินเทินทึกปกคลุมถนน

มีคำสั่งอพยพอในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผู้อยู่อาศัยหลายคนจำเป็นต้องกลับเข้ามายังพื้นที่เพราะเป็นห่วงบ้านและทรัพย์สิน

หน่วยงานพยากรณ์อากาศของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้ประกาศเตือนเมื่อวันเสาร์ว่า จะมีฝนตกหนักในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่ภายใต้คำเตือนฉุกเฉิน และแนะนำให้ผู้คนคำนึงถึงการรักษาสวัสดิภาพของตนเองเอาไว้ก่อน

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ทำให้ความเสี่ยงที่เกิดจากฝนตกหนักทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากบรรยากาศที่อบอุ่นขึ้นกักเก็บน้ำไว้ได้มากขึ้น.

เพิ่มเพื่อน