ระเบิดระลอกใหม่วิทยุสื่อสารฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน ตาย 20 เจ็บ 450

ฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอนถูกโจมตีครั้งที่สอง จากเหตุระเบิดระลอกใหม่ที่เกิดกับวิทยุสื่อสารของสมาชิก สร้างความโกลาหลต่อเนื่องจากเหตุระเบิดเพจเจอร์วันก่อนหน้า

ประชาชนและเจ้าหน้าที่กู้ภัยรวมตัวกันที่จุดเกิดเหตุระเบิดวิทยุสื่อสาร (Walkie-Talkie) ในเมืองไซดา ทางตอนใต้ของเลบานอน เมื่อวันที่ 18 กันยายน (Photo by Mahmoud ZAYYAT / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2567 กล่าวว่า เกิดเหตุระเบิดระลอกใหม่กับวิทยุสื่อสาร (Walkie-Talkie) ที่ใช้ในกลุ่มสมาชิกฮิซบุลเลาะห์ทั่วเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและบาดเจ็บอีกกว่า 450 คน จนหลายฝ่ายเกรงว่าอาจเป็นการกระตุ้นให้เกิดการยกระดับสงครามเต็มรูปแบบกับอิสราเอล

เหตุระเบิดล่าสุดเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่เกิดการระเบิดพร้อมกันของเครื่องมือติดตามตัว (เพจเจอร์) ที่กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย รวมทั้งเด็ก 2 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 2,800 คนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการโจมตีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ท่ามกลางข้อครหาว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล

วิทยุสื่อสารดังกล่าวเริ่มระเบิดในฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในกรุงเบรุต โดยสื่อของรัฐรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดในลักษณะเดียวกันนี้ทางตอนใต้และตะวันออกของเลบานอน และมีการเผยแพร่ภาพทางโทรทัศน์ที่ผู้คนวิ่งหนีหลบภัยเมื่อเกิดระเบิดขึ้นระหว่างงานศพของสมาชิกฮิซบุลเลาะห์ทางตอนใต้ของเบรุตในช่วงบ่าย

อิสราเอลยังคงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อเหตุระเบิดทั้งสองครั้งในเลบานอน แม้จะเพิ่งประกาศขยายขอบเขตของการสู้รบในฉนวนกาซาให้ครอบคลุมการต่อสู้กับกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของกลุ่มฮามาสด้วย

รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลกล่าวระหว่างเยือนฐานทัพอากาศเมื่อวันพุธว่า "ศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงกำลังเคลื่อนตัวไปทางเหนือ อิสราเอลกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของสงครามระยะใหม่"

แหล่งข่าวเผยว่าความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้นักการทูตระดับสูงจากสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส และอิตาลี นัดพบกันในวันพฤหัสบดีที่กรุงปารีส ก่อนการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

อับดุลลาห์ บู ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศเลบานอนเตือนว่า "การโจมตีอธิปไตยและความมั่นคงของเลบานอนอย่างโจ่งแจ้ง เป็นพัฒนาการอันตรายที่อาจส่งสัญญาณถึงสงครามเต็มรูปแบบ"

ขณะที่กลุ่มฮิซบุลเลาะห์กล่าวว่า อิสราเอลต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ก่อเหตุระเบิดทั้งสองครั้ง และขู่ว่าจะแก้แค้นคืนอย่างสาสม

เช่นเดียวกับทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติกล่าวว่า อิหร่านสงวนสิทธิ์ที่จะใช้มาตรการตอบโต้ เพราะเอกอัครราชทูตอิหร่านในกรุงเบรุตได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดของเพจเจอร์

การหลั่งไหลเข้ามาของผู้บาดเจ็บจำนวนมากในคราวเดียวกันทำให้แพทย์ต้องทำงานหนัก โดยอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่อยู่ที่ดวงตาและมือ

ทั้งนี้ ผลเบื้องต้นของการสืบสวนในเลบานอนเกี่ยวกับเหตุระเบิดเพจเจอร์ พบว่าเครื่องมือสื่อสารดังกล่าวถูกติดตั้งระเบิดไว้ล่วงหน้า

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า "ข้อมูลบ่งชี้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวได้รับการตั้งโปรแกรมให้จุดระเบิดล่วงหน้าและมีวัตถุระเบิดฝังอยู่ข้างๆ แบตเตอรี่"

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับฮิซบุลเลาะห์กล่าวกับเอเอฟพีว่า "เพจเจอร์ที่ระเบิดนั้นเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ส่งข้อความจำนวน 1,000 ชิ้นที่ฮิซบุลเลาะห์นำเข้ามาเมื่อไม่นานนี้ และดูเหมือนว่าจะถูกวางระเบิดซ่อนไว้ตั้งแต่ต้นทาง"

หลังจากที่นิวยอร์กไทม์สรายงานว่าเพจเจอร์ดังกล่าวได้รับการสั่งซื้อจากบริษัท 'Gold Apollo' ซึ่งเป็นผู้ผลิตในไต้หวัน ทางบริษัทก็แจ้งว่าเพจเจอร์ดังกล่าวผลิตโดย 'BAC Consulting KFT' ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้าในฮังการี

อย่างไรก็ตาม โฆษกของรัฐบาลบูดาเปสต์กล่าวว่า บริษัทดังกล่าวเป็นเพียงตัวกลางทางการค้า โดยไม่มีสถานที่ผลิตหรือดำเนินการใดๆ ในฮังการี

การโจมตีทั้งสองครั้งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ ซึ่งมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการสื่อสารอยู่แล้ว หลังจากสูญเสียผู้บัญชาการหลักหลายคนจากการโจมตีทางอากาศแบบกำหนดเป้าหมายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา การยิงตอบโต้กันอย่างต่อเนื่องระหว่างกองทหารอิสราเอลและกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ ทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนทั้งสองฝั่งของชายแดนต้องอพยพหนีภัยออกจากบ้านเรือน

การยิงตอบโต้กันซึ่งอิสราเอลไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นสงคราม ได้สังหารนักรบในเลบานอนไปหลายร้อยราย ขณะที่อิสราเอลเสียกำลังพลไปเพียงแค่หลักสิบนายเท่านั้น

ทั้งนี้ การโจมตีอิสราเอลทางตอนใต้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดสงคราม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,205 ราย และกลุ่มฮามาสยังได้จับตัวประกันไป 251 คน ซึ่ง 97 คนยังถูกควบคุมตัวอยู่ในกาซา รวมถึง 33 รายที่กองทัพอิสราเอลระบุว่าเสียชีวิตไปแล้ว

ขณะที่การรุกตอบโต้ของกองทัพอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาอย่างน้อย 41,272 ราย ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ภายใต้การปกครองของฮามาส โดยจำนวนดังกล่าวถูกนับรวมทั้งประชาชนทั่วไปและเหล่านักรบของฮามาส.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง