จีนประกาศว่าจะปรับเพิ่มอายุเกษียณตามกฎหมาย เนื่องจากประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตประชากรเกิดใหม่และประชากรสูงอายุที่ไม่สัมพันธ์กัน
ชายชราชาวจีนสองคนกำลังเล่นหมากรุกในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ในกรุงปักกิ่ง (Photo by Jade GAO / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 กล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งเตรียมออกกฎหมายปรับเพิ่มอายุเกษียณแบบค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับ เพื่อรับมือวิกฤตประชากรจีนหลายร้อยล้านคนที่เตรียมเข้าสู่วัยชราในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า ในขณะที่อัตราการเกิดลดลงอย่างมาก
จำนวนประชากรของประเทศลดลงในปี 2566 เป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยผู้กำหนดนโยบายเตือนว่าอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ, ระบบการดูแลสุขภาพ และสวัสดิการสังคม หากไม่ดำเนินการใดๆ
อายุเกษียณของจีนไม่ได้ปรับเพิ่มมาหลายทศวรรษแล้ว และเคยเป็นหนึ่งในอายุเกษียณที่ต่ำที่สุดในโลก
"อายุเกษียณตามกฎหมายสำหรับแรงงานชายจะค่อยๆ ขยายจากเดิม 60 ปีเป็น 63 ปี และสำหรับแรงงานหญิง อายุเกษียณจะขยายออกไปจากเดิม 50 หรือ 55 ปี เป็น 55 และ 58 ปี ตามลำดับ ขึ้นอยู่กับประเภทของงาน" ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว
สื่อของรัฐรายงานว่า อายุเกษียณจะเริ่มเพิ่มขึ้นทีละน้อยเป็นเวลา 15 ปี ตั้งแต่ปี 2568
"ตั้งแต่ปี 2573 เป็นต้นไป จำนวนปีขั้นต่ำของเงินสมทบกองทุนบำเหน็จบำนาญพื้นฐานที่จำเป็นต่อการรับผลประโยชน์รายเดือนจะเพิ่มขึ้นทีละน้อยจาก 15 ปีเป็น 20 ปี โดยเพิ่มขึ้นปีละ 6 เดือน และกฎหมายใหม่นี้จะอนุญาตให้ชาวจีนเลื่อนการเกษียณอายุออกไปได้ถึงวันที่ช้ากว่านั้น หากพวกเขาบรรลุข้อตกลงกับนายจ้าง" ซินหัวรายงาน
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีพื้นฐานอยู่บน "การประเมินอย่างครอบคลุมของอายุขัยเฉลี่ย, สภาพสุขภาพ, โครงสร้างประชากร, ระดับการศึกษา และอุปทานแรงงานในจีน"
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวกับเอเอฟพีว่า "การเปลี่ยนแปลงทางประชากร" น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญเบื้องหลังการตัดสินใจดังกล่าว
"รัฐบาลกลางเสนอให้เปลี่ยนแปลงอายุเกษียณครั้งแรกในปี 2556 และมีการพูดคุยทางสังคมมากมายในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และผมคิดว่าหลายคนเตรียมใจไว้แล้วสำหรับการประกาศครั้งนี้" หลี่ ชางอัน นักเศรษฐศาสตร์แรงงานจากมหาวิทยาลัยธุรกิจระหว่างประเทศและเศรษฐศาสตร์ในปักกิ่งกล่าว
ก่อนการประกาศในวันศุกร์ สื่อของรัฐได้เผยแพร่บทความที่ยกย่องกฎหมายอายุเกษียณในครั้งนี้
"การปฏิรูปครั้งนี้จะปรับให้เข้ากับสถานการณ์การเพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลายของอายุขัยและจำนวนปีการศึกษาของประเทศเรา" บทความในหนังสือพิมพ์ People's Daily ระบุ
นอกจากนี้ บทความในหนังสือพิมพ์ที่ดำเนินการโดยพรรคคอมมิวนิสต์ยังระบุด้วยว่า "การปฏิรูปครั้งนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาและการใช้ทรัพยากรมนุษย์"
โม่ หรง ผู้อำนวยการสถาบันแรงงานและความมั่นคงทางสังคมของจีน กล่าวกับหนังสือพิมพ์ People's Daily ว่า "การปรับอายุเกษียณเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับประเทศของเราในการปรับตัวให้เข้ากับภาวะปกติใหม่ของการพัฒนาประชากร"
ทันทีที่มีการประกาศ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนได้วิพากษ์วิจารณ์กันผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมติดแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องบนแพลตฟอร์มเว่ยป๋อ จนมียอดเข้าร่วมมากกว่า 200 ล้านครั้งในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่เซ็นเซอร์ของรัฐบาลจะลบโพสต์จำนวนมากออกจากเว็บไซต์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในประเทศที่การพูดคุยอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับนโยบายระดับชาติมักถูกมองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
เมื่อบ่ายวันศุกร์ บัญชีสื่อของรัฐบาลจำนวนมากตอบกลับโพสต์ดังกล่าวเพียงว่า "เข้าใจแล้ว" หรือ "เป็นทางการแล้ว"
มีผู้ใช้งานจำนวนมากแสดงท่าทีผิดหวังกับการประกาศครั้งนี้ แต่ผู้ใช้รายหนึ่งกล่าวติดตลกว่า "ตราบใดที่เรายังได้เลือกว่าจะเกษียณหรือไม่ ฉันก็ไม่มีอะไรจะคัดค้าน"
ขณะที่ผู้ใช้งานรายอื่นๆ บ่นว่า รัฐบาลไม่มีความเห็นใจต่อผู้ที่เกิดในช่วงทศวรรษ 2553-2543 (ค.ศ. 1990 -2000) ว่าจะต้องทำงานอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้เกษียณ เมื่อเทียบกับคนรุ่นก่อน.