นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะเดินทางเยือนกรุงโซลและเข้าพบกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้เพื่อหารือเป็นครั้งสุดท้าย โดยหวังว่าจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้ดีขึ้นก่อนที่เขาจะพ้นจากตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่น
ประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล ของเกาหลีใต้ (ซ้าย) และนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น เดินไปยังเก้าอี้ระหว่างการประชุมที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซล เมื่อวันที่ 6 กันยายน (Photo by Lee Jin-man / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นเดินทางเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ และได้เข้าพบกับประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล เพื่อหารือเป็นครั้งสุดท้าย โดยหวังว่าจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้ดีขึ้นก่อนที่เขาจะพ้นจากตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่นตามที่เคยประกาศลาออกไว้เมื่อเดือนที่แล้ว
ทั้งสองประเทศซึ่งต่างก็เป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา มีความขัดแย้งกันมายาวนานในประเด็นทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการยึดครองคาบสมุทรเกาหลีอย่างโหดร้ายของจักรวรรดิญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1910-1945 ซึ่งรวมถึงการบังคับใช้แรงงานและค้าประเวณี
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้นำเกาหลีใต้ได้ดำเนินการฝังความขัดแย้งเหล่านั้น โดยเริ่มการเจรจากับผู้นำญี่ปุ่นตามปกติอีกครั้ง และยกระดับความร่วมมือทางทหารเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากเกาหลีเหนือซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์
"จากความไว้วางใจที่มั่นคงระหว่างทั้งสองประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่นจึงดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา" ยุน ซ็อก-ยอลกล่าวระหว่างการพบปะ และเสริมว่ายังคงมีประเด็นที่ยากลำบากระหว่างความสัมพันธ์ในด้านอื่นๆ ซึ่งเขาหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันในลักษณะมองไปข้างหน้า เพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่สดใสได้มากกว่านี้
คิชิดะกล่าวว่า เขารู้สึกใจสลายเมื่อคิดว่ามีผู้คนมากมายประสบกับช่วงเวลาเศร้าโศกและยากลำบากในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่เช่นในอดีต โดยอ้างอิงถึงเหยื่อของปัญหาทางประวัติศาสตร์
เขากล่าวเสริมว่า "แม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีประวัติศาสตร์ที่ให้เข้าใจไปคนละแบบ แต่การร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อก้าวไปสู่อนาคตด้วยการสืบทอดความพยายามของบรรพบุรุษของเราที่ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้นั้นมีความสำคัญมาก"
คิมแทฮโย รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "บรรดาผู้นำยืนยันว่าความสำคัญของความสัมพันธ์เกาหลี-ญี่ปุ่นจะไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี (ของญี่ปุ่น) คนต่อไปก็ตาม"
ในการประชุมสุดยอดครั้งที่ 12 ระหว่างผู้นำทั้งสอง ผู้เชี่ยวชาญบางคนเรียกการประชุมครั้งนี้ว่าเป็น "ความสำเร็จครั้งสำคัญ"
ศาสตราจารย์คนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยอีฮวา ในกรุงโซลกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายต้องอาศัยความกล้าหาญทางการเมืองในการขจัดอุปสรรคทางประวัติศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนการทูต
"การประชุมสุดยอดบ่อยครั้งไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการประสานงานนโยบายเท่านั้น แต่ยังส่งสัญญาณถึงเจตนารมณ์ที่ดีที่จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการที่จัดการปัญหาการทำงานตั้งแต่พิธีการศุลกากรและการตรวจคนเข้าเมืองไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ศาสตราจารย์กล่าว และเสริมว่าผู้นำทั้งสองเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองต่อปัญหานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
เมื่อปีที่แล้ว ยุนและคิชิดะได้พบกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐที่แคมป์เดวิด เพื่อประชุมสุดยอดที่มุ่งปรับปรุงการตอบสนองร่วมกันต่อเกาหลีเหนือที่อาจได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า คิชิดะอาจเดินทางเยือนวอชิงตันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวางมือจากตำแหน่งผู้นำ
คิชิดะเคยประกาศว่าเขาจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) อีกต่อไป เมื่อวาระการดำรงตำแหน่งของเขาสิ้นสุดลงในเดือนนี้
ขณะที่พรรคเสรีประชาธิปไตยที่ครองอำนาจบริหารประเทศมาอย่างยาวนาน มีกำหนดจัดการแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 27 กันยายน
การเยือนของคิชิดะซึ่งเกิดขึ้นสามสัปดาห์ก่อนที่เขาจะสิ้นสุดวาระ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะสานต่อโมเมนตัมของการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ และอาจเป็นข้อความถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ให้สานต่อความพยายามเหล่านี้ต่อไป
ที่ผ่านมา รัฐบาลของยุนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังยอมโอนอ่อนผ่อนตามหลายอย่างให้กับญี่ปุ่น รวมทั้งพฤติกรรมในประเด็นทางประวิติศาสตร์อันขมขื่น จนนักวิจารณ์กล่าวหาว่ายุนสนับสนุนการบิดเบือนอาชญากรรมสงครามของญี่ปุ่น
การเยือนของคิชิดะในครั้งนี้จึงได้เห็นกลุ่มประชาสังคมหลายกลุ่มในเกาหลีใต้ออกมาประท้วงต่อต้านและแสดงความไม่ต้องการให้มีการสานสัมพันธ์เชิงพันธมิตรระหว่างสองชาติ.