รัสเซียโจมตียูเครนต่อเนื่อง คร่าชีวิตผู้คน 51 รายในปอลตาวา และ 7 รายในลวิฟ

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 51 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียในเมืองปอลตาวาของยูเครน ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งเดียวที่นองเลือดที่สุดในสงครามที่กินเวลานานสองปีครึ่ง ขณะที่ลวิฟโดนด้วย เสียชีวิตอีก 7 ราย

เจ้าหน้าที่กู้ภัยชาวยูเครนกำลังดับไฟในรถยนต์คันหนึ่งหลังถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธในเมืองลวิฟ เมื่อวันที่ 4 กันยายน (Photo by YURIY DYACHYSHYN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 4 กันยายน 2567 กล่าวว่า เมืองปอลตาวา (Poltava) ของยูเครนถูกขีปนาวุธของรัสเซียโจมตีเมื่อวันอังคาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 51 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ถือเป็นการโจมตีครั้งเดียวที่นองเลือดที่สุดในสงครามที่กินเวลานานสองปีครึ่ง

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐประณามการโจมตีครั้งนี้ว่า "น่าสลดใจ" ขณะที่รัฐบาลเคียฟระบุว่ารัสเซียโจมตีศูนย์ฝึกทหารและโรงพยาบาลใกล้เคียง แต่ไม่ได้จำแนกว่าผู้เสียชีวิตกี่รายเป็นทหารหรือพลเรือน

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนให้คำมั่นว่าจะจัดการกับ "คนชั่วรัสเซีย" ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งทำงานเพื่อเคลียร์ซากปรักหักพังของอาคาร

"ตามข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ การโจมตีของรัสเซียทำให้มีผู้เสียชีวิต 51 รายและจำนวนผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 271 คน เรารู้ว่ายังมีคนติดอยู่ใต้ซากของอาคารที่พังทลาย เราจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตให้ได้มากที่สุด" เซเลนสกีกล่าว

รัฐบาลชาติตะวันตก ทั้งวอชิงตัน, เบอร์ลิน และลอนดอน ต่างประณามการโจมตีครั้งนี้

ไบเดนให้คำมั่นว่ารัฐบาลของเขาจะยังคงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนต่อไป รวมถึงจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีดความสามารถที่จำเป็นในการปกป้องประเทศ

เดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น "การกระทำก้าวร้าวน่ารังเกียจ" ในขณะที่อันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีกล่าวว่า ความโหดร้ายของประธานาธิบดีปูตินนั้นเกินความเป็นมนุษย์

ด้านทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียนั้น ไม่มีการตอบสนองกับการโจมตีครั้งนี้แต่อย่างใด ระบุเพียงว่าปูตินเดินทางไปยังเมืองวลาดิวอสต็อกเมื่อวันอังคาร หลังจากเสร็จสิ้นการเยือนมองโกเลีย ซึ่งการเยือนดังกล่าวเป็นครั้งแรกของเขาในการเข้าสู่ดินแดนของสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) นับตั้งแต่ที่ศาลออกหมายจับเขาจากความเกี่ยวข้องกับสงครามในยูเครน

การโจมตีปอลตาวาจุดชนวนความโกรธแค้นบนโซเชียลมีเดียของยูเครน หลังจากมีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายที่พิธีการทางทหารกลางแจ้ง โดยหลายคนตำหนิความประมาทของเจ้าหน้าที่ยูเครนที่ปล่อยให้มีการจัดงานดังกล่าวแม้จะมีภัยคุกคามจากการโจมตีของรัสเซีย

เซเลนสกีกล่าวว่า เขาได้สั่งการให้ดำเนินการสืบสวนสถานการณ์ทั้งหมดอย่างเต็มรูปแบบและทันท่วงที และเสริมว่าขีปนาวุธของรัสเซีย 2 ลูกโจมตีอาคารโรงพยาบาลและสถาบันการศึกษาจนพังเสียหาย

ปอลตาวาซึ่งมีประชากรก่อนสงครามประมาณ 300,000 คน ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเคียฟไปทางตะวันออกประมาณ 300 กิโลเมตร ถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวในช่วงเช้าวันอังคาร

กระทรวงกลาโหมยูเครนกล่าวว่า ช่วงเวลาตั้งแต่ที่สัญญาณเตือนภัยมาถึงและขีปนาวุธมาถึงนั้นกระทันหันมาก จนผู้คนตื่นตระหนกในการอพยพไปยังหลุมหลบภัย ขณะที่อาคารแห่งหนึ่งถูกทำลายบางส่วน และผู้คนจำนวนมากติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง

ทั้งนี้ สถาบันการสื่อสารทางทหารปอลตาวาซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อทศวรรษ 1960 ในช่วงที่ยูเครนยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต มีชื่อเสียงด้านความเชี่ยวชาญในการฝึกอบรมด้านโทรคมนาคม

เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งทำงานอย่างหนัก หลังจากสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ 25 คน รวมถึง 11 คนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง

การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ผู้นำยูเครนส่งสัญญาณว่ากำลังมีการปรับโครงสร้างรัฐบาลครั้งใหญ่ โดยมีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 6 คนยื่นใบลาออกเมื่อวันอังคาร

รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์, รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีกระทรวงคุ้มครองสิ่งแวดล้อม อยู่ในกลุ่มคนที่ลาออก

เซเลนสกีสั่งปรับโครงสร้างหลายครั้งตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น โดยปลดรัฐมนตรีกลาโหมเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว หลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตหลายครั้ง และล่าสุดก็เปลี่ยนตัวผู้บัญชาการระดับสูงท่ามกลางความพ่ายแพ้ในสนามรบ

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เกิดเรื่องอื้อฉาวอีกครั้งกับกองบัญชาการกองทัพของยูเครน เมื่อเครื่องบินขับไล่ F-16 ที่ผลิตในสหรัฐ ตกในระหว่างการสู้รบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้นักบินเสียชีวิต

เหตุการณ์เครื่องบิน F-16 ตกถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับรัฐบาลเคียฟซึ่งได้กดดันชาติตะวันตกให้ส่งเครื่องบินขับไล่ล้ำสมัยมาเป็นเวลาหลายเดือน และยังเป็นเหตุให้ผู้บัญชาการกองทัพอากาศของประเทศต้องถูกไล่ออกอีกด้วย

สถานการณ์ล่าสุดในวันพุธ รัสเซียโจมตีเมืองลวิฟ (Lviv) ของยูเครน คร่าชีวิตคนไปอีก 7 ราย รวมถึงเด็ก 3 ราย

เสียงไซเรนดังขึ้นเหนือเมืองลวิฟก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในวันพุธ ตามที่นายกเทศมนตรีอันเดรย์ ซาโดวี ประกาศให้พลเมืองเร่งหลบภัยเนื่องจากระบบป้องกันภัยทางอากาศกำลังทำงานเพื่อสกัดขีปนาวุธที่ยิงถล่มลงมา

การโจมตีด้วยขีปนาวุธทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 40 คน และสร้างความเสียหายให้กับอาคารที่พักอาศัยใจกลางเมืองประวัติศาสตร์ รวมถึงโรงเรียนและสถานพยาบาล

เซเลนสกีออกมาเรียกร้องให้พันธมิตรตะวันตกจัดหาอาวุธพิสัยไกลให้กับยูเครนเพื่อตอบโต้อย่างยุติธรรม ต่อการโจมตีดังกล่าว

เมืองลวิฟทางตะวันตกส่วนใหญ่รอดพ้นจากการสู้รบที่รุนแรงที่สุดในช่วงสองปีครึ่งของสงคราม แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของเมืองจนสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อพลเรือน.

เพิ่มเพื่อน