Stand News และบรรณาธิการถูกตัดสินความผิดฐานก่อกบฏในฮ่องกง

สำนักข่าว Stand News ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงและอดีตบรรณาธิการระดับสูงอีกสองคนถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อกบฏ ถือเป็นการลงโทษสื่อมวลชนด้วยข้อหานี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับคืนสู่จีนในปี 1997

จง ปุยกวน อดีตบรรณาธิการบริหารของสำนักข่าวสแตนด์นิวส์ (Stand News) เดินออกจากศาลแขวงในฮ่องกง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม หลังจากเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อกบฏ (Photo by Peter PARKS / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม 2567 กล่าวว่า ศาลฮ่องกงตัดสินให้สำนักข่าวสแตนด์นิวส์ (Stand News) ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงและอดีตบรรณาธิการระดับสูงอีกสองคน มีความผิดฐานก่อกบฏ

คำตัดสินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามเสรีภาพในการพูดของรัฐบาลฮ่องกง ซึ่งทำให้บรรดานักวิจารณ์ถูกจำคุกหรือถูกบังคับให้ลี้ภัย ตามหลังการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่เมื่อปี 2019

จง ปุยกวน วัย 54 ปี และแพทริค แลม วัย 36 ปี บรรณาธิการของสแตนด์นิวส์ กลายเป็นสื่อมวลชนรายแรกที่ถูกตัดสินความผิดในข้อหาก่อกบฏนับตั้งแต่เกาะแห่งนี้กลับคืนสู่จีนในปี 1997 และกระบวนการพิจารณาของศาลฯทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ

จงและแลมเป็นผู้ดูแลสแตนด์นิวส์ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ภาษาจีนที่มีผู้ติดตามจำนวนมากในช่วงการประท้วงปี 2019 ก่อนที่จะถูกตรวจค้นและปิดตัวลงในเดือนธันวาคมปี 2021

เมื่อวันพฤหัสบดี กว็อก ไวคิน ผู้พิพากษาศาลแขวงแถลงคำตัดสินว่าทั้งคู่มีความผิดฐานสมคบคิดเพื่อเผยแพร่และผลิตซ้ำสิ่งพิมพ์ที่ปลุกระดมและยุยงปลุกปั่น ขณะที่ Best Pencil Limited ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสแตนด์นิวส์ก็ถูกตัดสินว่ามีความผิดเช่นกัน

"แนวทางที่สแตนด์นิวส์ปฏิบัติคือการสนับสนุนและส่งเสริมการปกครองตนเองของฮ่องกง และยังเป็นเครื่องมือในการใส่ร้ายหน่วยงานกลาง (รัฐบาลปักกิ่ง) และรัฐบาลเขตปกครองพิเศษ (ฮ่องกง) อีกด้วย" คำพิพากษาเป็นลายลักษณ์อักษรของกว็อก ไวคิน ระบุ

ผู้พิพากษายังชี้ให้เห็นถึงบทความ 11 เรื่องที่ตีพิมพ์โดยสแตนด์นิวส์ว่า "ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อความมั่นคงของชาติ และมีเจตนาที่จะบ่อนทำลายทางการในปักกิ่งและฮ่องกงอย่างร้ายแรง"

จง ปุยกวนให้การในศาลว่า สำนักข่าวแห่งนี้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับเสรีภาพในการพูด และปกป้องการตัดสินใจของเขาในการตีพิมพ์บทความวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

แต่ทางอัยการกล่าวหาว่า พวกเขานำความเกลียดชังหรือดูหมิ่นมายังรัฐบาลจีนและฮ่องกง

จงและแลมถูกตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายยุคอาณานิคม ซึ่งลงโทษผู้ก่อกบฏด้วยโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี ขณะที่กฎหมายความมั่นคงฉบับล่าสุดที่ประกาศใช้ในเดือนมีนาคมได้เพิ่มโทษจำคุกสำหรับผู้ก่อกบฏเป็น 7 ปี

การพิพากษาในวันนี้มีตัวแทนจากสถานกงสุลต่างๆ เข้าร่วมฟังด้วย รวมถึงสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย เช่นเดียวกับผู้คนมากกว่า 100 คน ทั้งผู้สนับสนุนและผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อที่รอฟังอยู่ด้านนอกศาล

ภายหลังการประกาศคำตัดสินดังกล่าว สหภาพยุโรปได้ตอบสนองด้วยการเรียกร้องให้ฮ่องกงหยุดดำเนินคดีกับสื่อมวลชน

โฆษกสหภาพยุโรปกล่าวว่า "คำตัดสินดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะขัดขวางการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลายและการไหลเวียนของข้อมูลอย่างเสรี ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จทางเศรษฐกิจของฮ่องกง"

ด้านคณะกรรมการคุ้มครองนักข่าวกล่าวว่า คำตัดสินแสดงให้เห็นว่าฮ่องกงกำลังเสื่อมถอยลงสู่การปกครองแบบเผด็จการมากขึ้น ทั้งๆที่การสื่อสารมวลชนไม่ได้เป็นการก่อกบฏ

ซาราห์ บรู๊คส์ ผู้อำนวยการฝ่ายจีนของแอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกคำตัดสินดังกล่าวว่าเป็นการตอกตะปูอีกดอกหนึ่งลงบนฝาโลงของเสรีภาพสื่อในฮ่องกง.

เพิ่มเพื่อน