ทหารสหรัฐที่ลักลอบเข้าเกาหลีเหนือเมื่อปีที่แล้ว เตรียมรับสารภาพข้อหาหนีทหารที่ศาลทหาร หลังได้บทสรุปการเจรจากับกองทัพฯ
แฟ้มภาพ ภาพข่าวเกี่ยวกับพลทหารทราวิส คิง ของกองทัพสหรัฐฯในเกาหลีใต้ที่หลบหนีข้ามแดนเข้าไปยังเกาหลีเหนือ เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 (Photo by Anthony WALLACE / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2567 กล่าวว่า จากกรณีทหารสหรัฐฯนายหนึ่งชื่อทราวิส คิง ได้ลักลอบข้ามพรมแดนเข้าไปยังเกาหลีเหนือผ่านการร่วมทัวร์การท่องเที่ยวในพื้นที่ความมั่นคงร่วมเมื่อกลางเดือนกรกฏาคม 2566 และถูกควบคุมตัวโดยกองทัพเกาหลีเหนือ
รัฐบาลเปียงยางยืนยันว่าได้ควบคุมตัวเขาไว้และให้ข้อมูลว่า ทหารอเมริกันคนดังกล่าวซึ่งเป็นคนผิวดำ ตั้งใจหลบหนีจาก "การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ" และมี "ความรู้สึกไม่ดี" ต่อกองทัพสหรัฐฯ
แต่หลังจากการสอบสวนเสร็จสิ้น รัฐบาลเปียงยางได้ตัดสินใจขับทราวิส คิง ออกจากประเทศ ด้วยความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในดินแดนของเกาหลีเหนืออย่างผิดกฎหมาย ตามรายงานของสำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ
หลังจากนั้นคิงเดินทางข้ามพรมแดนเกาหลีเหนือไปยังจีนด้วยความช่วยเหลือจากนักการทูตสวีเดน และถูกส่งตัวให้กับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯและเจ้าหน้าที่ทหารอาวุโส ก่อนจะนั่งเครื่องบินออกไปยังฐานทัพทหารของสหรัฐฯ โดยมีรายงานว่า เขามีความสุขและยินดีมากที่ได้กลับบ้านเพื่อเจอครอบครัว
ต่อมากองทัพสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อกล่าวหาเขาในข้อหาหนีทหารและก่ออาชญากรรมอื่นๆ อีกมากมาย
แฟรงค์ โรเซนแบลตต์ ทนายความของคิงกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า กองทัพสหรัฐได้ตั้งข้อกล่าวหาทหารคนดังกล่าว 14 กระทง และเขาจะรับสารภาพ 5 กระทงจากทั้งหมดนั้น
"เขาจะรับสารภาพ 5 กระทง รวมทั้งข้อหาหนีทหาร, การไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าหน้าที่ 3 กระทง และทำร้ายร่างกายนายทหารชั้นประทวน" โรเซนแบลตต์กล่าวในแถลงการณ์
"เขาจะรับสารภาพในความผิดที่เหลือ ซึ่งกองทัพฯจะถอนฟ้องและยกฟ้อง หลังการเจรจาหาข้อสรุป" เขากล่าวเสริม
ทนายความกล่าวว่าการรับสารภาพและการพิจารณาคดีของคิงจะมีขึ้นในวันที่ 20 กันยายน ที่ศาลทหารในเมืองฟอร์ต บลิสส์ รัฐเท็กซัส
"ที่นั่น เขาจะอธิบายว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง, ตอบคำถามของผู้พิพากษาทหารเกี่ยวกับสาเหตุที่เขารับสารภาพ และจะถูกตัดสินโทษ" โรเซนแบลตต์กล่าว โดยข้อหาหนีทหารมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี
"ทราวิสรู้สึกขอบคุณเพื่อนๆ และครอบครัวที่คอยสนับสนุนเขา และทุกคนที่อยู่นอกวงสังคมของเขาที่ไม่ตัดสินคดีของเขาล่วงหน้าโดยอิงจากข้อกล่าวหาเบื้องต้น" ทนายความของเขากล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ทราวิส คิงซึ่งประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้ถูกทางการโซลควบคุมตัวในข้อหาทำร้ายร่างกายและกำลังถูกส่งตัวกลับสหรัฐฯ ซึ่งเขาอาจต้องถูกลงโทษทางวินัยทหาร แต่เขากลับออกจากสนามบินและเข้าร่วมกลุ่มทัวร์ไปยังพื้นที่เขตปลอดทหาร ก่อนลักลอบผ่านแดนเข้าไปโดยจงใจและไม่ได้รับอนุญาต
การลับลอบข้ามพรมแดนของคิงเกิดขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีอยู่ในจุดต่ำสุด โดยการทูตหยุดชะงัก และคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือเรียกร้องให้พัฒนาอาวุธเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีด้วย.