รัสเซียและยูเครนประกาศเมื่อวันเสาร์ว่าพวกเขาได้แลกเปลี่ยนเชลยศึกกันไปฝั่งละ 115 คน ทั้งๆที่อยู่ในช่วงตึงเครียดจากการรุกกลับของยูเครนที่เปิดฉากโจมตีภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย
ทหารยูเครนที่ห่อหุ้มตัวด้วยธงชาติ 115 นายจากกองกำลังป้องกันชาติ, กองทัพบก, กองทัพเรือ และกองกำลังป้องกันชายแดนของรัฐถูกส่งตัวกลับยูเครน หลังการแลกเปลี่ยนเชลยศึกกับรัสเซีย เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม (Photo by Handout / UKRAINIAN PRESIDENTIAL PRESS SERVICE / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2567 กล่าวว่า รัสเซียและยูเครนประกาศความสำเร็จในการแลกเปลี่ยนเชลยศึกกันไปฝั่งละ 115 คน แม้การแลกเปลี่ยนดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ยูเครนเปิดฉากโจมตีในเคิร์สก์และในขณะที่รัสเซียกำลังรุกคืบเมืองอื่นๆ ทางตะวันออกของยูเครน นอกจากนี้ยังเกิดขึ้นในวันประกาศเอกราชของยูเครนอีกด้วย
ทั้งสองประเทศขอบคุณสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้
"ทหารของเราอีก 115 นายได้เดินทางกลับบ้านแล้วในวันนี้ พวกเขาเป็นทหารจากกองกำลังป้องกันชาติ, กองทัพบก กองทัพเรือ และกองกำลังป้องกันชายแดนของรัฐ" ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าว และได้เผยแพร่ภาพถ่ายของชายหลายคนที่ห่อหุ้มตัวด้วยธงชาติยูเครน
รัฐบาลเคียฟกล่าวว่าได้จับกุมทหารรัสเซียหลายร้อยนายในระหว่างการบุกโจมตีเคิร์สก์เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม สอดรับกับการที่รัฐบาลมอสโกเองยืนยันการแลกเปลี่ยนดังกล่าวและระบุว่าทหารรัสเซีย 115 นายที่ถูกยูเครนจับเป็นเชลยในเคิร์สก์ได้กลับสู่ประเทศแล้ว
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า "กระบวนการเจรจาที่สัมฤทธิ์ผลได้ทำให้ทหารรัสเซีย 115 นายที่ถูกจับเป็นเชลยในภูมิภาคเคิร์สก์ ถูกส่งตัวกลับจากดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของระบอบการปกครองยูเครน"
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่าขณะนี้ทหารเหล่านั้นอยู่ในเบลารุสซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน โดยพวกเขากำลังได้รับความช่วยเหลือด้านจิตใจและการแพทย์ ก่อนจะถูกส่งกลับมายังรัสเซียในอีกไม่นาน
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกาศไปในทิศทางเดียวกันว่า สามารถไกล่เกลี่ยการแลกเปลี่ยนเชลยศึกระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียและสาธารณรัฐยูเครนได้สำเร็จ
ทั้งนี้ รัฐบาลเคียฟและมอสโกได้จัดการแลกเปลี่ยนเชลยศึกมาแล้วหลายครั้งตลอดช่วงสงครามที่กินเวลานานกว่า 2 ปี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกรัฐมนตรีเยอรมนีทำเซอร์ไพรส์ ไปเยือนยูเครนแบบฉุกละหุก
นี่เป็นการเยือนครั้งที่สองของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มสงครามในยูเครน และเป็นการเดินทางเยือนที่ทำให้เกิดคำถาม