อนามัยโลกประกาศให้ฝีดาษลิง (Mpox) เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับโลก

องค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของโรคฝีดาษลิง (Mpox) ในทวีปแอฟริกาเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับประเทศแล้ว โดยส่งสัญญาณเตือนสูงสุดต่อสถานการณ์ที่เลวร้ายลงทุกขณะ

ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (Photo by Christopher BLACK / World Health Organization (WHO) / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2567 กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกประชุมผู้เชี่ยวชาญเพื่อศึกษาการระบาดของโรคฝีดาษลิง (Mpox) และเสนอคำแนะนำต่อทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของหน่วยงานด้านสุขภาพแห่งสหประชาชาติ

"วันนี้ คณะกรรมการสถานการณ์ฉุกเฉินได้ประชุมกันและแจ้งให้ผมทราบว่าในความเห็นของคณะกรรมการ สถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และผมได้ยอมรับคำแนะนำนั้นแล้ว"

"นี่เป็นเรื่องที่เราทุกคนควรต้องกังวล องค์การอนามัยโลกได้ให้คำมั่นว่าจะประสานงานการตอบสนองทั่วโลกในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ โดยจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับแต่ละประเทศที่ได้รับผลกระทบ และใช้ประโยชน์จากการมีอยู่ของเราในพื้นที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด, รักษาผู้ติดเชื้อ และช่วยชีวิต" กีบรีเยซุสกล่าวในการแถลงข่าว

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพของสหภาพแอฟริกาประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับภูมิภาค อันเนื่องมาจากการระบาดของโรคฝีดาษลิงที่เพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน ฝีดาษลิงกำลังแพร่ระบาดไปทั่วสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกซึ่งเป็นที่ที่ไวรัสโรคฝีดาษลิงถูกค้นพบครั้งแรกในมนุษย์เมื่อปี 2513 และแพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ

กีบรีเยซุสกล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยมากกว่า 14,000 คนและยอดผู้เสียชีวิต 524 รายในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในปีนี้นั้นมากกว่าจำนวนผู้ป่วยในปีก่อนไปแล้ว

"การแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของสายพันธุ์ clade 1b (เคลท 1บี) ในคองโกเมื่อปีที่แล้ว ส่วนใหญ่มักกระจายผ่านเครือข่ายทางเพศ แต่การตรวจพบโรคนี้ในประเทศเพื่อนบ้านรอบๆคองโกในปีนี้นั้นน่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง และเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ผมตัดสินใจเรียกประชุมฉุกเฉินครั้งนี้" เขากล่าวในการเปิดการประชุมคณะกรรมการฉุกเฉิน

ทั้งนี้เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยด้วยสายพันธุ์ clade 1b (เคลท 1บี) ประมาณ 90 คนใน 4 ประเทศเพื่อนบ้านของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกที่ไม่เคยรายงานพบเชื้อฝีดาษลิงมาก่อน ได้แก่ บุรุนดี, เคนยา, รวันดา และยูกันดา

ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) ถือเป็นสัญญาณเตือนสูงสุดที่องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศออกไปได้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองภาวะฉุกเฉินในประเทศต่างๆ ทั่วโลกภายใต้ข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย

ในเดือนพฤษภาคม 2565 การติดเชื้อฝีดาษลิงพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก โดยส่วนใหญ่ส่งผลกระทบในผู้ชายที่เป็นเกย์และรักร่วมเพศ ภายใต้การติดต่อด้วยสายพันธุ์ที่เรียกว่า clade 2b (เคลท 2บี)

ในครั้งนั้น องค์การอนามัยโลกประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขซึ่งกินเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 ถึงเดือนพฤษภาคม 2566 การระบาดครั้งดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 140 รายจากจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดประมาณ 90,000 คน

สายพันธุ์เคลท 1บี ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในคองโกตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงกว่าสายพันธุ์เคลท 2บี โดยมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงกว่า

ฝีดาษลิงเป็นโรคติดเชื้อจากไวรัสที่แพร่สู่คนผ่านทางสัตว์ที่ติดเชื้อ และยังสามารถแพร่จากคนสู่คนได้โดยการสัมผัสทางกายภาพอย่างใกล้ชิด

โรคนี้ทำให้เกิดไข้, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และมีตุ่มน้ำขนาดใหญ่บนผิวหนัง

ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันขององค์การอนามัยโลกแนะนำให้ฉีดวัคซีนสำหรับฝีดาษลิงทั้ง 2 สายพันธุ์

ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกมีการประกาศให้ฉีดวัคซีนเพียง 7 ครั้งเท่านั้นตั้งแต่ปี 2552 ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1, โปลิโอ, ไวรัสอีโบลา, ไวรัสซิกา, ไวรัสอีโบลาระลอก 2, โควิด-19 และฝีดาษลิง

ทั้งนี้ การประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) จะช่วยยกระดับการเตือนภัยทั่วโลก และอาจทำให้องค์การอนามัยโลกสามารถเข้าถึงเงินทุนสำหรับการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้.

เพิ่มเพื่อน