แฮร์ริสและคู่หูเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เดินหน้าปราศรัยหาเสียงร่วมกันเป็นครั้งแรก

กมลา แฮร์ริส เปิดตัวทิม วอลซ์ ในฐานะผู้สมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ และเริ่มลงพื้นที่หาเสียงด้วยกันเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร โดยคู่หูคู่ใหม่จากพรรคเดโมแครตได้รับเสียงสนับสนุนอย่างอุ่นหนาฝาคั่งในการชุมนุมที่รัฐเพนซิลเวเนียซึ่งเป็นหนึ่งในสมรภูมิสำคัญ

กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตกล่าวปราศรัยในการหาเสียงร่วมกับทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ซึ่งเป็นคู่สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ที่มหาวิทยาลัยเทมเปิลในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม (Photo by MATTHEW HATCHER / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567 กล่าวว่า กมลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ได้เปิดตัวคู่สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ พร้อมลงพื้นที่หาเสียงด้วยกันเป็นครั้งแรกทันที

ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ถูกเลือกเข้ามาร่วมแคมเปญหาเสียงกับแฮร์ริสในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ในฐานะว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐ โดยชื่อเสียงความเป็นพลเมืองตัวอย่างสามารถช่วยดึงดูดใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากเสียงตอบรับล้นหลามแม้เพียงครั้งแรกของการปราศรัย ขณะที่ยังมีอีก 4 รัฐสำคัญให้เดินหน้าแย่งชิงคะแนนกับโดนัลด์ ทรัมป์จากรีพับลิกัน

แฮร์ริส ซึ่งมีเป้าหมายที่จะสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐ มีเวลาหาเสียงน้อยมากก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน เพราะเพิ่งเข้ามารับช่วงต่อจากโจ ไบเดนที่ถอนตัวกลางคัน

"เรากำลังต่อสู้เพื่ออนาคตและการปกป้องเสรีภาพพื้นฐานของเรา" แฮร์ริสกล่าวกับผู้สนับสนุนที่ส่งเสียงเชียร์ ขณะที่วอลซ์ยืนเคียงข้างเธอ

"ดิฉันตั้งใจที่จะหาพันธมิตรที่จะช่วยสร้างอนาคตที่สดใสกว่านี้, ผู้นำที่จะรวมประเทศของเราเป็นหนึ่งและพาเราก้าวไปข้างหน้า, นักสู้เพื่อชนชั้นกลาง และผู้รักชาติที่เชื่อในคำมั่นสัญญาอันพิเศษของอเมริกาเช่นเดียวกับดิฉัน"

"ดิฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อบอกกับทุกท่านว่า ดิฉันได้พบกับบุคคลผู้นั้นแล้ว ซึ่งก็คือผู้ว่าการทิม วอลซ์" แฮร์ริสกล่าวเปิดตัวคู่หูของเธอ

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ออกมาชื่นชมการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของแฮร์ริส โดยกล่าวว่าเธอและวอลซ์จะเป็นตัวแทนที่ทรงพลังสำหรับคนทำงานและชนชั้นกลางของอเมริกา

แฮร์ริสคาดการณ์ว่า การเลือกชายผิวขาวมาร่วมแคมเปญกับเธอจะสามารถสร้างสมดุลในบัตรลงคะแนนและช่วยดึงดูดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นชนชั้นแรงงานและคนผิวขาว ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่ผลักดันให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในปี 2016 มาแล้ว

วอลซ์เหมาะสมกับคำอธิบายนั้นในฐานะชาวมิดเวสต์วัย 60 ปีที่มีบุคลิกและมุมมองแบบชาวชนบท พ่วงด้วยประสบการณ์ทางทหารหลายสิบปี และความติดดินที่แตกต่างกับคู่หูจากรีพับลิกันนี่เอง (โดนัลด์ ทรัมป์ และเจ.ดี. แวนซ์) ที่จะทำให้ตัวเขาผลักดันแฮร์ริสได้เป็นอย่างดี

อดีตครูและโค้ชกีฬาโรงเรียนรายนี้สามารถเอาชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งของพรรครีพับลิกันในปี 2006 มาแล้ว และคาดว่าจะดึงดูดคะแนนจากรัฐที่ห่างไกลได้ไม่น้อย ขณะที่แฮร์ริสจะมุ่งกวาดคะแนนจากรัฐสำคัญอย่างแคลิฟอร์เนีย และรัฐชายฝั่งตะวันออก

ในเวลาเดียวกัน วอลซ์จะดึงดูดฝ่ายซ้ายให้สนับสนุนการทำให้กัญชาถูกกฎหมาย, การคุ้มครองแรงงาน, สิทธิการทำแท้ง และการจำกัดอาวุธปืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทีมหาเสียงของทรัมป์ได้เริ่มโจมตีผู้ว่าการรัฐมินนิโซตารายนี้ทันทีว่าเป็น "พวกเสรีนิยมหัวรุนแรงและอันตราย" ที่พยายามยัดเยียดค่านิยมของแคลิฟอร์เนียให้กับประเทศ

แต่ผู้สนับสนุนที่มารวมตัวกันที่การชุมนุมที่ฟิลาเดลเฟียบอกกับเอเอฟพีว่า พวกเขาตื่นเต้นที่วอลซ์ได้รับเลือกให้ลงสมัครเพราะความเข้าถึงง่ายทำให้เขามีเสน่ห์ที่พิเศษเฉพาะตัว

ในวิดีโอแนะนำตัวที่เผยแพร่ผ่านแคมเปญหาเสียง วอลซ์ได้บรรยายถึงการเติบโตในเนแบรสกาและซึมซับคุณค่าของ "ชุมชน" และความเคารพ, การประนีประนอม ตลอดจนการรับใช้ประเทศ

หลังจากได้รับการเสนอชื่อโดยแฮร์ริส วอลซ์กล่าวว่าถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนไปโรงเรียนวันแรก

วอลซ์ได้รับการสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นจากกลุ่มเสรีนิยมในพรรคเดโมแครต รวมถึงกลุ่มสายกลาง เช่น วุฒิสมาชิกโจ แมนชิน ซึ่งเรียกเขาว่า "ของจริง"

นับเป็นการเดินทางที่น่าทึ่งสำหรับแฮร์ริส ซึ่งเพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ผลสำรวจความนิยมล่าสุดพบว่าเธอกลับมีคะแนนนำทรัมป์ในระดับประเทศอยู่ 3% ทั้งๆที่ทรัมป์เคยมีคะแนนนำไบเดนอยู่ถึง 4% ในเดือนมกราคม

การเลือกคู่หูลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีถือเป็นการทดสอบก้าวแรกของแฮร์ริส ตอนนี้เธอและวอลซ์จะต้องเผชิญกับอุปสรรคอีกมากมายในแต่ละรัฐ จากเพนซิลเวเนียต่อด้วยวิสคอนซิน, มิชิแกน, แอริโซนา และเนวาดา

เพนซิลเวเนียเป็นส่วนหนึ่งของ "กำแพงสีน้ำเงิน" ที่พาไบเดนไปสู่ชัยชนะในปี 2020 ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่หลายคนคาดหวังว่าแฮร์ริสจะเลือกจอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐนี้ในตอนแรก แต่ท้ายที่สุดกลายเป็นทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา.

เพิ่มเพื่อน