ดินถล่มในอินเดียที่เกิดจากฝนตกหนักในช่วงมรสุมทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 63 ราย และมีผู้รอดชีวิตอย่างน้อย 250 คนจากพื้นที่ที่ถูกโคลนและเศษซากทับถม
เจ้าหน้าที่กองกำลังตอบสนองภัยพิบัติแห่งชาติอินเดีย (NDRF) ประจำการอยู่ในบริเวณที่เกิดดินถล่มในเขตเวยานาท (Wayanad) ของรัฐเกรละ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม (Photo by National Disaster Response Force (NDRF) / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2567 กล่าวว่า รัฐเกรละซึ่งเป็นรัฐชายฝั่งทางตอนใต้ของอินเดียได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนัก และเป็นเหตุให้เกิดดินถล่มขนาดใหญ่ในเขตเวยานาท (Wayanad)
เจ้าหน้าที่เขตกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 63 ราย และอีก 116 คนอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา
ภาพที่เผยแพร่โดยกองกำลังตอบสนองภัยพิบัติแห่งชาติแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังลุยโคลนค้นหาผู้รอดชีวิต ขณะที่บางส่วนกำลังนำร่างผู้เสียชีวิตใส่เปลออกจากพื้นที่
บ้านเรือนเต็มไปด้วยโคลนสีน้ำตาลเนื่องจากการโถมทับของดินถล่ม รถยนต์, แผ่นเหล็ก และเศษซากอื่นๆ กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณที่เกิดภัยพิบัติ
กองทัพอินเดียระบุว่าได้ส่งทหารกว่า 200 นายไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือกองกำลังความมั่นคงของรัฐและเจ้าหน้าที่กู้ภัย แต่ถนนที่มุ่งไปยังพื้นที่ดังกล่าวถูกปิดกั้น ทำให้การบรรเทาทุกข์เป็นไปได้ยาก
เอ็ม.บี. ราเจช รัฐมนตรีสรรพสามิตของรัฐเกรละกล่าวว่า จนถึงขณะนี้สามารถช่วยเหลือผู้คนได้กว่า 250 คนแล้ว ขณะที่สำนักงานจัดการภัยพิบัติของรัฐคาดว่าในวันอังคารนี้จะมีฝนตกหนักและลมแรงขึ้นอีก
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กล่าวในโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่า "ผมขอส่งความห่วงใยไปยังผู้ที่สูญเสียคนที่รักและขอส่งกำลังใจให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ" โดยจะมีการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ประสบภัยครอบครัวละ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 86,330 บาท)
ราหุล คานธี ผู้นำฝ่ายค้านของอินเดียกล่าวกับสมาชิกรัฐสภาว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นน่าสลดใจ
"ประเทศของเราพบเห็นดินถล่มเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สิ่งที่จำเป็นในขณะนี้คือแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้น" ผู้นำฝ่ายค้านกล่าว
ฝนมรสุมทั่วทั้งภูมิภาคตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายนช่วยคลายความร้อนของฤดูร้อนและมีความสำคัญต่อการเติมน้ำให้กับเขื่อน
ฝนมีความสำคัญต่อการเกษตร ดังนั้นจึงมีความสำคัญต่อการดำรงชีพของเกษตรกรหลายล้านคนและความมั่นคงทางอาหารของประชากรเกือบสองพันล้านคนในเอเชียใต้
แต่ฝนยังนำมาซึ่งการทำลายล้างในรูปแบบของดินถล่มและอุทกภัย
จำนวนอุทกภัยและดินถล่มในอินเดียคร่าชีวิตผู้คนเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ปัญหาเลวร้ายลง
การสร้างเขื่อน, การตัดไม้ทำลายป่า และโครงการพัฒนาในอินเดียยังทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นด้วย
พายุมรสุมที่รุนแรงถล่มอินเดียเมื่อต้นเดือนนี้ ทำให้บางส่วนของนครมุมไบถูกน้ำท่วม ขณะที่ฟ้าผ่าในรัฐพิหารทางตะวันออกคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 10 ราย
เหตุการณ์ดินถล่มครั้งร้ายแรงที่สุดของอินเดียในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาเกิดขึ้นในปี 2541 เมื่อดินถล่มที่เกิดจากฝนมรสุมที่ตกหนักคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 220 ราย และหมู่บ้านมัลปาในเทือกเขาหิมาลัยก็ถูกฝังจนหมดสิ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระทึก! ฝนถล่มตราด รถตู้เหล่านายกกาชาดถูกน้ำท่วมเครื่องดับ
ที่ถนนสุขุมวิท ก่อนถึงศูนย์ราชการุณย์ 2 กม.เกิดน้ำท่วมระดับความสูงระหว่าง 50-80 ซม.ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงต่ำทำให้มีน้ำไหลลงมาจากเทือกเขาบรรทัดและไหลลงมาท่วมถนนเป็นระยะทางยาวกว่า 100 เมตร