ผอ.หน่วยข่าวกรองสหรัฐลาออก เซ่นบกพร่องกรณีลอบสังหารทรัมป์

ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองสหรัฐประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยหนึ่งวันก่อนหน้าเพิ่งออกมายอมรับว่าหน่วยงานฯล้มเหลวในภารกิจรักษาความปลอดภัย จนเกิดการลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์

คิมเบอร์ลี ชีเทิล ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองสหรัฐ (Photo by KAMIL KRZACZYNSKI / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2567 กล่าวว่า คิมเบอร์ลี ชีเทิล ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองสหรัฐประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังยอมรับผลสอบสวนที่ว่าหน่วยงานของเธอบกพร่องในภารกิจรักษาความปลอดภัย จนเป็นเหตุให้โดนัลด์ ทรัมป์ถูกลอบยิง

ชีเทิลเผชิญเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากมือปืนวัย 20 ปีลอบทำร้ายอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันจนได้รับบาดเจ็บ บนเวทีหาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย

ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกันกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ชีเทิลควรจะแสดงความรับผิดชอบตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว

"ผมดีใจที่ได้เห็นเธอรับฟังเสียงเรียกร้องของทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตถึงความรับผิดชอบต่อองค์กรที่ควรเป็นที่พึ่งได้มากกว่านี้ ในที่สุดเธอก็เลิกดื้อเสียที" จอห์นสันกล่าว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวขอบคุณชีเทิลที่ทำงานในหน่วยสืบราชการลับมาเกือบสามทศวรรษ และยกย่องเธอที่ทุ่มเทอย่างไม่เห็นแก่ตัวและเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องประเทศตลอดอาชีพการงาน

"เราทุกคนรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่" ไบเดนกล่าวในแถลงการณ์ พร้อมบอกว่าจะสรรหาและแต่งตั้งผู้อำนวยการคนใหม่เร็วๆ นี้

อเลฮานโดร มายอร์กาส รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐกล่าวว่า โรนัลด์ โรว์ รองผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับ ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนาน 24 ปีในหน่วยงานนี้จะทำหน้าที่เป็นรักษาการผู้อำนวยการจนกว่าจะมีการเสนอชื่อผู้มาดำรงตำแหน่งแทนชีเทิล

ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์แสดงปฏิกิริยาต่อการลาออกของชีเทิลบนโซเชียลมีเดีย กล่าวว่า "ฝ่ายบริหารของไบเดนและแฮร์ริสไม่ได้ปกป้องผมอย่างเหมาะสม และผมก็ถูกบังคับให้ยอมเสี่ยงเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำเช่นนั้น!"

ชีเทิลปรากฏตัวต่อหน้าคณะกรรมการรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ และกล่าวว่า "การลอบสังหารทรัมป์เป็นความล้มเหลวในการปฏิบัติงานที่สำคัญที่สุดของหน่วยสืบราชการลับในรอบหลายทศวรรษ" โดยมีการอ้างอิงถึงเหตุลอบยิงโรนัลด์ เรแกนในปี 2524

ทั้งคณะกรรมการจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตต่างเรียกร้องให้ชีเทิลลาออกระหว่างการพิจารณาคดีที่ตึงเครียด และเธอยังสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายนิติบัญญัติจากทั้งสองขั้วการเมืองด้วยการปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดแบบเจาะจงเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าว และใช้ข้ออ้างว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น

ในเหตุลอบสังหาร ผู้ร้ายยิงใส่ทรัมป์ด้วยปืนไรเฟิลจู่โจมแบบ AR เพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่เขาเริ่มกล่าวปราศรัยในงานหาเสียง

มือปืนได้ก่อเหตุจากบนหลังคาของอาคารใกล้เคียง และถูกหน่วยสืบราชการลับยิงเสียชีวิตภายในเวลาไม่ถึง 30 วินาทีหลังจากลั่นไกใส่ทรัมป์

ชีเทิลกล่าวว่า หน่วยสืบราชการลับได้รับการแจ้งเตือนบุคคลต้องสงสัย 2-5 ครั้งก่อนการโจมตี แต่ไม่สามารถระบุตัวเขาได้ก่อนที่เขาจะเปิดฉากยิง

เจ้าหน้าที่สืบสวนสรุปว่ามือปืนรายนี้ลงมือเพียงลำพัง และไม่สามารถระบุถึงความโน้มเอียงทางอุดมการณ์หรือแนวคิดรุนแรงทางการเมืองได้

มีผู้เข้าร่วมงานหาเสียงสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีดังกล่าว และนักดับเพลิงเพนซิลเวเนียวัย 50 ปีถูกยิงเสียชีวิต

อดีตแพทย์ของทรัมป์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่หูขวาของเขา

"กระสุนเฉียดหัวเขาไปราว 1/4 นิ้ว และกระแทกไปที่หูข้างขวาของเขาแทน" รอนนี แจ็คสัน อดีตแพทย์ประจำทำเนียบขาวกล่าว

คิมเบอร์ลี ชีเทิลทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับมาเป็นเวลา 27 ปี ก่อนลาออกในปี 2564 เพื่อไปทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของบริษัท PepsiCo ในอเมริกาเหนือ หลังจากนั้นเธอได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองสหรัฐโดยโจ ไบเดนในปี 2565.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อีลอน มัสก์ หนึ่งในคนร่ำรวยระดับโลกที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โดนัลด์ ทรัมป์

โดนัลด์ ทรัมป์ค่อยเบาใจเรื่องเงินทองที่ต้องใช้ในการรณรงค์หาเสียงลงได้บ้าง เมื่ออีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ข