เปลี่ยนม้ากลางศึก! ไบเดนถอนตัวเลือกตั้ง ส่งไม้ต่อแฮร์ริสขับเคี่ยวทรัมป์

โจ ไบเดน ประกาศถอนตัวจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสนับสนุนรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ให้เป็นตัวแทนคนใหม่ของพรรคเดโมแครต

รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของสหรัฐอเมริกา และว่าที่คู่ต่อสู้คนใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการชิงชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 (Photo by Allison Joyce / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2567 กล่าวว่า สถานการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 พลิกอีกตลบ หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการแข่งขันกับโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และพร้อมผลักดันรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ให้เป็นตัวแทนพรรคฯคนใหม่

ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนและตลอดสัปดาห์ เรื่องราวการลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งและทำให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐกลายเป็นกระแสพูดถึงทั่วโลก เช่นเดียวกับสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึง เมื่อประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ประกาศถอนตัวจากการสู้ศึกเลือกตั้งกลางคัน

ไบเดน วัย 81 ปี กล่าวว่า เขาตัดสินใจถอนตัวเพื่อผลประโยชน์สูงสุดต่อพรรคเดโมแครตและประเทศสหรัฐอเมริกา โดยยอมอ่อนข้อต่อแรงกดดันหลายสัปดาห์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เสร็จสิ้นการดีเบตรอบแรกที่กลายเป็นการเปิดแผลให้หลายฝ่ายด้อยค่าในความชราและสมรรถภาพทางจิตของเขา

แน่นอนว่า การถอนตัวกระทันหันส่งผลให้พรรคเดโมแครตตกอยู่ในความวุ่นวายครั้งใหม่ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน แต่ก็อาจกลายเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ให้พรรคฯได้พลิกเกมหาเสียงด้วยความมุ่งมั่นของกมลา แฮร์ริส ที่จะเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ และก้าวสู่การเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยวิจารณ์ว่าไบเดนไม่เหมาะสมที่จะลงสมัครรับตำแหน่งประธานาธิบดี และไม่เหมาะสมที่จะทำงานใหญ่ในระดับผู้นำประเทศอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเดโมแครตกำลังจะทำให้รีพับลิกันต้องเปลี่ยนเส้นทางรณรงค์หาเสียงไปด้วย หลังทุ่มหมดหน้าตักในการมุ่งเป้าไปที่ไบเดนแต่เพียงผู้เดียวมาตั้งแต่ต้น และตอนนี้ทรัมป์วัย 78 ปี จำเป็นต้องเปลี่ยนมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อายุน้อยกว่ามากแทน และเป็นผู้หญิง

แม้การถอนตัวของไบเดนเป็นสิ่งที่กระแสสังคมต้องการ แต่การประกาศอย่างกระทันหันก็สร้างความตกใจให้กับหลายฝ่ายเช่นกัน ทั้งประชาชนฝ่ายที่สนับสนุนตัวเขา และบุคคลทางการเมืองระหว่างประเทศซึ่งเกี่ยวพันกับเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกใบนี้

ไบเดนกำลังพักฟื้นจากโรคโควิดที่บ้านริมชายหาดในเดลาแวร์ และได้ประกาศการถอนตัวในข้อความบนแพล็ตฟอร์ม X

เขากล่าวว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับใช้ชาติในฐานะประธานาธิบดี และตั้งใจจะปราศรัยต่อประชาชนทั้งหมดในปลายสัปดาห์นี้

"แม้ว่าผมตั้งใจอย่างมากกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง แต่เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับพรรคและประเทศของผม ผมจะขอยืนหยัดและมุ่งความสนใจไปที่การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีให้สำเร็จไปตลอดวาระที่เหลืออยู่" ไบเดนสื่อสารผ่านข้อความ พร้อมสนับสนุนและให้การรับรองอย่างเต็มที่แก่กมลา แฮร์ริส ในการเป็นตัวแทนสู้ศึกเลือกตั้งสู่ทำเนียบขาว

ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตที่เคยประกาศแคมเปญ "Biden for President" และใช้ในการรณรงค์หาเสียงก่อนหน้านี้ ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็น "Harris for President" เรียบร้อยแล้ว และต้องรีบประกาศยืนยันตัวผู้สมัครใหม่อย่างเป็นทางการในการประชุมใหญ่ที่ชิคาโกวันที่ 19 สิงหาคม

กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีหญิงผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ได้กล่าวยกย่องไบเดนสำหรับการเสียสละด้วยความรักชาติ และให้คำมั่นว่าจะสู้อย่างเต็มที่ แม้กระแสนิยมของทรัมป์ทิ้งห่างไปเยอะหลังรอดชีวิตจากการถูกลอบยิง

บารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตที่ยังคงทรงอิทธิพลอย่างมาก เตือนว่ายังมีอุปสรรคใหญ่รออยู่ข้างหน้า ขณะที่อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน กล่าวขอบคุณไบเดนสำหรับทุกผลงานที่ทำเพื่อสหรัฐอเมริกา

แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้เคลื่อนไหวสำคัญที่ต้องการให้ไบเดนถอนตัว ได้กล่าวว่า "ขอพระเจ้าทรงอวยพรอเมริกาด้วยความยิ่งใหญ่และความดีของโจ ไบเดน"

การตัดสินใจของไบเดนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตึงเครียดและวุ่นวายในการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยทรัมป์เพิ่งรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารในการหาเสียงเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ขณะที่พรรคเดโมแครตแตกแยกมานานหลายสัปดาห์ว่าไบเดนควรถอนตัวหรือไม่

ไบเดนใช้เวลามากกว่าสามสัปดาห์ในการต่อต้านเสียงเรียกร้องให้ถอนตัวจากการเป็นตัวแทนสู้ศึกเลือกตั้ง ภายหลังการดีเบตที่ตะกุกตะกักและเหม่อลอยเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน

ขณะเดียวกัน แฮร์ริสได้สร้างผลงานในช่วงปีแรกๆ ของเธอในทำเนียบขาว และทำงานอย่างแข็งขันในการรณรงค์หาเสียงในประเด็นสำคัญๆ เช่น การทำแท้ง

ไบเดนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2564 โดยให้คำมั่นว่าจะดำรงไว้ซึ่ง "จิตวิญญาณของอเมริกา" หลังจากสี่ปีแห่งความปั่นป่วนภายใต้การนำของทรัมป์ และความตื่นตระหนกจากการโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 โดยผู้สนับสนุนของทรัมป์

เขาให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันต่อการต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซียในปี 2565 และผลักดันแผนฟื้นฟูครั้งใหญ่หลังการระบาดโควิด รวมทั้งการอุดหนุนอุตสาหกรรมสีเขียวเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก

ในอีกด้านหนึ่ง เขาเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน, สถานการณ์ภาวะเงินเฟ้อสูง และการสนับสนุนการทำสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา เช่นเดียวกับความกังวลเรื่องอายุของเขา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นายกฯอิ๊งค์' ยกไอแพดคุย 'ทรัมป์' แสดงความยินดีชนะเลือกตั้ง ยันไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิ