ทรัมป์ออกงานประชุมใหญ่รีพับลิกัน ไบเดนแถลงต่อประชาชนอเมริกัน หลังเหตุลอบสังหาร

โดนัลด์ ทรัมป์เดินทางร่วมการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันในเมืองมิลวอกี หลังเหตุกราดยิง ขณะที่ประธานาธิบดีโจไบเดนแถลงทางการต่อประชาชนชาวอเมริกัน เรียกร้องความเป็นหนึ่งเดียว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน นั่งแถลงการณ์ผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ทั่วประเทศ จากห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความพยายามลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน (Photo by Erin Schaff / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567 กล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์กลับมาสู่เส้นทางหาเสียงอีกครั้งในฐานะดาวเด่นการประชุมระดับประเทศของพรรครีพับลิกันในเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเหตุลอบสังหารเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้า

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐวัย 78 ปีรายนี้กำลังแบกความหวังของพรรครีพับลิกันเข้าสู่สนามเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน และจะได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการจากที่ประชุมให้เป็นตัวแทนพรรคฯในการชิงชัยกับคู่ต่อสู้อย่างโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต ท่ามกลางสมาชิกพรรครีพับลิกันราว 50,000 คนที่หลั่งไหลมาให้กำลังใจในสิ่งที่เขาเพิ่งเผชิญมา

มีการคาดการณ์ว่าทรัมป์อาจจจะเปิดเผยตัวเลือกในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเขา ในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจกำหนดทิศทางการรณรงค์หาเสียงช่วงสุดท้ายของเขา

ตัวเลือกที่เป็นไปได้ของอดีตประธานาธิบดีรายนี้อาจเป็นวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ สองคน ได้แก่ เจ.ดี. แวนซ์ แห่งโอไฮโอ และมาร์โก รูบิโอ แห่งฟลอริดา เช่นเดียวกับดั๊ก เบอร์กัม ผู้ว่าการรัฐนอร์ทดาโกตา ซึ่งเคยลงสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคฯในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับทรัมป์

เหตุลอบยิงทรัมป์ที่เพนซิลเวเนียกลายเป็นหมอกหนาที่ปกคลุมทั้งเมืองและกลบใจความสำคัญของการประชุมใหญ่ครั้งนี้ที่จะมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์

มีประเด็นพูดถึงการเลื่อนการประชุมออกไปก่อนเช่นกัน แต่ทรัมป์ยืนกรานว่ากระบวนการจะต้องดำเนินต่อไป พร้อมให้คำมั่นว่าเขาจะยืนหยัดสู้แม้ต้องเผชิญกับความชั่วร้าย

หลังการดีเบตครั้งแรกกับโจ ไบเดน ทรัมป์ได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าในการเลือกตั้ง แม้จะอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีอาญาและการฟ้องร้องจนสูญเสียความน่าเชื่อถือ แต่นักธุรกิจรายนี้โดดเด่นในเส้นทางสู่ชัยชนะมากกว่าไบเดน วัย 81 ปี ที่ถูกกดดันให้ถอนตัวจากการแข่งขันเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพเสื่อมถอยที่อาจเป็นอุปสรรคในการทำงาน

กระแสการเมืองที่เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืนหลังเหตุลอบสังหาร ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่คำปราศัยของทรัมป์ในที่ประชุมใหญ่ โดยสื่อของสหรัฐฯ บางแห่งรายงานว่า เรื่องราวเฉียดตายของเขาจะถูกหยิบยกมาพูดแทนเนื้อหานโยบายสำคัญในการสู้ศึกเลือกตั้ง เช่น การโจมตีการบริหารงานอย่างเลวร้ายของไบเดน หรือการพูดถึงแนวทางการสร้างประเทศตามสโลแกนหาเสียงของเขาที่มีข้อความว่า "Make America Great Again"

อีกด้านหนึ่ง โจ ไบเดนในฐานะประธานาธิบดี ได้นั่งแถลงอย่างเป็นทางการจากห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เพื่อสื่อสารกับประชาชนชาวอเมริกัน หลังเหตุลอบสังหารทรัมป์ที่สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก

ไบเดนขอให้ชาวอเมริกันพยายามสงบสติอารมณ์ หลังเหตุดังกล่าวตอกย้ำกระแสแตกแยกในประเทศและความไม่เป็นมิตรทางการเมือง

"ถึงเวลาที่ควรร่วมกันทำให้มันเย็นลง เราทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำเช่นนั้น" ไบเดนกล่าวผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์โดยอ้างอิงเหตุโจมตีที่ทำให้ทรัมป์ได้รับบาดเจ็บ, ผู้บริสุทธิ์ได้รับลูกหลงจนเสียชีวิต 1 ราย และผู้ก่อเหตุถูกวิสามัญคาที่

ในขณะที่ประเทศนี้สั่นคลอนจากภาพทรัมป์ที่โชกเลือด หลังจากมือปืนเปิดฉากยิงในการชุมนุมหาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนีย ไบเดนกล่าวว่า "การเมืองสหรัฐจะต้องไม่นำไปสู่สนามรบที่หลั่งเลือด เพราะพระเจ้าไม่ปรารถนาให้มีการสังหาร"

ทั้งนี้ โธมัส แมทธิว ครูกส์ มือปืนวัย 20 ปี ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับยิงเสียชีวิตท่ามกลางเหตุการณ์วุ่นวาย และเจ้าหน้าที่กล่าวว่าแรงจูงใจของเขายังไม่ชัดเจน

เอฟบีไอกล่าวว่ากำลังสืบสวนการโจมตีดังกล่าวซึ่งอาจเป็นการก่อการร้ายภายในประเทศ และกำลังสืบค้นจากโทรศัพท์ของผู้ก่อเหตุเพื่อค้นหาแนวคิดและอุดมการณ์ใดๆ ที่อาจเป็นสารตั้งต้นของการกระทำครั้งนี้

ไบเดนซึ่งกล่าวแถลงการณ์ในห้องทำงานรูปไข่เป็นครั้งที่สามของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ยังอ้างถึงการโจมตีอาคารรัฐสภาโดยผู้สนับสนุนทรัมป์เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ว่าเป็นข้อพิสูจน์ชี้ชัดถึงสถานการณ์ความแตกแยกที่กำลังเกินการควบคุม

"เราไม่สามารถปล่อยให้ความรุนแรงนี้กลายเป็นเรื่องปกติได้" ไบเดนกล่าว พร้อมเสริมว่าการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน จะเป็น "ช่วงเวลาแห่งการทดสอบ" สำหรับสหรัฐอเมริกา

มีข้อสังเกตว่า การกล่าวแถลงครั้งนี้ของไบเดนลื่นไหลเป็นธรรมชาติและทรงพลัง แม้เป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่ดูดีกว่ามากหากเทียบกับช่วงที่ดีเบตกับทรัมป์ก่อนหน้านี้

แม้จะมีความเป็นอริกันมาตั้งแต่ปี 2563 แต่ทั้งไบเดนและทรัมป์ต่างเห็นพ้องกันที่จะขอให้ประชาชนอเมริกันลดความตื่นตระหนกและสงบสติอารมณ์ หลังเหตุโจมตีประธานาธิบดีหรืออดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 4 ทศวรรษ

ทรัมป์กล่าวผ่านโซเชียลมีเดียว่า "ช่วงเวลานี้ ความเป็นหนึ่งเดียวนั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าที่เคยมีมา และชาวอเมริกันไม่ควรปล่อยให้ความชั่วร้ายได้รับชัยชนะ" ในขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวนมากกลับใช้โอกาสนี้ในการฉกฉวยคะแนนเสียงด้วยการกล่าวโทษไบเดนและพรรคเดโมแครตว่าเป็นต้นเหตุให้ทรัมป์ถูกยิง

คาดว่าทรัมป์และผู้สนับสนุนของเขามีแนวโน้มที่จะใช้กระแสร้อนนี้ในการหาเสียงขย่มไบเดน

ส่วนไบเดนนั้นจะเผชิญกับความยากลำบากหากต้องใช้วาทกรรมพาดพิงตัวทรัมป์ และอาจต้องเปลี่ยนไปใช้การหาเสียงเชิงนโยบายแทนการโจมตีตัวผู้สมัคร ขณะที่ตัวเองก็โดนเพ่งเล็งเรื่องความชราและสุขภาพอยู่เช่นกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หน่วยข่าวกรองทหารของยูเครนเผย เคยมีแผนลอบสังหาร ‘ปูติน’ หลายครั้งแล้ว

ตามรายงานข่าวกรองทางทหารของยูเครน พบว่ามีการพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียหลายครั้งแล้ว “แต่อย่างที่คุณเห็น พวกเขาทำไม่สำเร็จ” นายพลคิริโล บูดานอฟ-หัวหน้าหน่วยข่าวกรองทหาร กล่า

'อิ๊งค์' รับครอบครัวเป็นห่วง 'ทักษิณ' หลังเกิดเหตุลอบยิง 'โดนัลด์ ทรัมป์'

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า ครอบครัวมีความเป็นห่วงความปลอดภัยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบิดา หลังจากมีการลอบยิง นายโดนัล ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ระหว่างการหาเสียง

‘ธีระชัย’ ข้องใจมาตรการคุ้มกัน ‘ทรัมป์’ วางกำลังที่สูงไว้เพียงอาคารเดียว

ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบยิงทรัมป์ ก็มีคนตั้งสมมุติฐานต่างๆ นาๆ บ้างก็กล่าวหาว่า ทรัมป์อาจจะสร้างสถานการณ์ขึ้นเอง เพื่อให้ดูเป็นฮีโร่  และมือปืนก็ปรากฎว่า เคยลงชื่อเป็นผู้สนับสนุนพรรครีพับบลิกัน