ทรัมป์รอดตายแต่หลั่งเลือด หลังถูกลอบสังหาร

โดนัลด์ ทรัมป์ถูกยิงเฉียดหูจากความพยายามลอบสังหารโดยมือปืนรายหนึ่งในงานหาเสียงเมื่อวันเสาร์ ถือเป็นเหตุการณ์ที่ชุลมุนวุ่นวายน่าตกใจและยิ่งเพิ่มความตึงเครียดทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันถูกนำตัวลงจากเวทีหาเสียงในสภาพเลือดเปื้อนหน้า และรายล้อมไปด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ ในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังถูกลอบยิงจากมือปืนรายหนึ่งที่ถูกวิสามัญทันทีในที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม (Photo by Rebecca DROKE / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2567 กล่าวว่า มือปืนรายหนึ่งบุกกราดยิงในงานหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

อดีตประธานาธิบดีวัย 78 ปีรายนี้ถูกนำตัวลงจากเวทีทันทีโดยมีเลือดไหลเต็มใบหน้าหลังถูกยิงเข้าที่หูขวา ขณะที่มือปืนและผู้มาร่วมงานอีก 1 คนเสียชีวิต และมีผู้มาร่วมงาน 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันยกกำปั้นต่อฝูงชนเพื่อยืนยันว่าเขายังปลอดภัยดีขณะถูกนำตัวลงจากเวที และกล่าวในภายหลังว่า "ผมถูกยิงด้วยกระสุนที่เจาะส่วนบนของหูขวา"

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งมีกำหนดเผชิญหน้ากับทรัมป์ในการเลือกตั้งที่มีการแบ่งขั้วอย่างดุเดือดช่วงเดือนพฤศจิกายน กล่าวว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเป็นเรื่องปกติในดินแดนสหรัฐอเมริกาที่ไม่เคยยอมรับการใช้ความรุนแรง และมีการเปิดเผยว่าไบเดนต่อสายหาทรัมป์เพื่อพูดคุยและถามไถ่ในสิ่งที่เจอมา

บุคคลสำคัญทางการเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาและบิล คลินตัน ต่างประณามการโจมตีดังกล่าว เช่นเดียวกับมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ที่สนับสนุนทรัมป์ให้ยืนหยัดสู้ต่อไป

เอฟบีไอสามารถระบุตัวตนมือปืนก่อเหตุที่ถูกยิงเสียชีวิตได้แล้ว ชื่อนายโทมัส แมทธิว ครูกส์ วัย 20 ปี จากเบเธลพาร์ค รัฐเพนซิลวาเนีย และกำลังสอบสวนหาแรงจูงใจจากการกระทำอุกอาจดังกล่าว

หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐระบุก่อนหน้านี้ว่า มือปืนรายดังกล่าวลั่นไกออกมาหลายนัดโดยเล็งไปยังเวที จากตำแหน่งที่อยู่สูงนอกพื้นที่จัดงาน ก่อนถูกวิสามัญโดยเจ้าหน้าที่

ภาพถ่ายที่ถูกเผยแพร่ต่อๆกันแสดงให้เห็นศพของคนร้ายนอนอยู่บนหลังคาลาดเอียงของอาคารเตี้ยๆ จากจุดที่เขาลั่นไกยิง ขณะผู้คนที่มาชุมนุมในงานหาเสียงของทรัมป์ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก

เอฟบีไอยืนยันในงานแถลงข่าวภายหลังว่า เหตุกราดยิงดังกล่าวถือเป็น "ความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์" และเชื่อว่ามือปืนก่อเหตุเพียงลำพัง

พยานผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนให้ข้อมูลคล้ายกันว่า พวกเขาเห็นมือปืนก่อนก่อเหตุและได้แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการใดต่อหรือไม่

ก่อนโดนลอบยิง ทรัมป์เพิ่งเริ่มปราศรัยในการชุมนุมครั้งสุดท้ายก่อนการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน เมื่อเสียงปืนดังขึ้น เขาทำหน้าบิดเบี้ยวและเอามือจับที่หู โดยมีเลือดไหลออกจากใบหูและแก้ม จากนั้นเขาทิ้งตัวลงกับพื้น ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับรุดขึ้นไปบนเวที และพาเขาลงมาเพื่อนำขึ้นยานพาหนะที่จอดรออยู่ในบริเวณงาน

"เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่การกระทำดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นในประเทศของเราได้ ผมรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นหลังได้ยินเสียงปืน และรู้สึกถึงกระสุนที่ทะลุผิวหนังทันที มีเลือดไหลออกมา แล้วผมก็แทบไม่รู้สึกอะไรหลังจากนั้นอีกเลย" ทรัมป์กล่าวผ่านโซเชียลมีเดียในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา และยืนยันว่าเขาปลอดภัยดี

ตำรวจยืนยันว่า ผู้มาร่วมงานเพศชายรายหนึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุและมีชายอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุกราดยิง

การลอบสังหารครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก โดยผู้นำของอังกฤษ, อิสราเอล, ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ต่างแสดงความกังวลต่อวิกฤตความรุนแรงที่ส่งผลจากแรงผลักดันทางการเมือง

ไบเดนยกเลิกกำหนดการพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ และกลับไปยังทำเนียบขาวทันที เพื่อรับการบรรยายสรุปล่าสุดจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคง

เหตุการณ์อุกอาจนี้ได้จุดชนวนความตึงเครียดทางการเมือง โดยสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนชี้ว่าเป็นเพราะวาทกรรมของไบเดนและทฤษฎีสมคบคิดของฝ่ายขวา นำไปสู่การโจมตีทรัมป์โดยตรง

ทรัมป์ได้รับการตรวจอย่างละเอียดว่าไม่มีอาการใดเป็นภัยต่อสุขภาพร่างกาย ดังนั้นเขาจะสามารถไปรณรงค์หาเสียงต่อได้ และจะเข้าร่วมการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันในเมืองมิลวอกี

ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกามีประวัติความรุนแรงทางการเมืองอยู่หลายครั้ง โดยมีประธานาธิบดี, อดีตประธานาธิบดี และผู้สมัครแข่งขันทางการเมืองเป็นเหยื่อ

อดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดีถูกลอบสังหารในปี 2506 เช่นเดียวกับบ็อบบี เคนเนดี น้องชายของเขาที่ถูกยิงเสียชีวิตในปี 2511 ส่วนอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารในปี 2524.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เอวา ลองโกเรีย’ หันหลังให้กับสหรัฐฯ หลังชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์

ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เอวา ลองโกเรีย สนับสนุนกมลา แฮร์ริสอย่างเสียงดังฟังชัด กระทั่งหลังการเลือกตั้งซึ่งโดนัลด์

'นายกฯอิ๊งค์' ยกไอแพดคุย 'ทรัมป์' แสดงความยินดีชนะเลือกตั้ง ยันไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิ