ดับฝันขวาจัด การเมืองฝรั่งเศสพลิก ฝ่ายซ้ายเข้าวินพรรคอันดับหนึ่งเลือกตั้งรอบสอง

พันธมิตรของพรรคฝ่ายซ้ายฝรั่งเศสกำลังจะกลายเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในรัฐสภา หลังเอาชนะกลุ่มขวาสุดและแนวร่วมของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง จากการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติรอบสอง กลายเป็นฉากทัศน์ที่ดับฝันรัฐบาลขวาจัดพรรคเดียว

ประชาชนฝรั่งเศสรวมตัวทำกิจกรรมระหว่างลุ้นผลการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติรอบสองที่จัตุรัสสาธารณรัฐ (Place de la Republique) ในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม (Photo by EMMANUEL DUNAND / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม 2567 กล่าวว่า กระแสรวมกลุ่มต่อต้านพรรคขวาจัดสัมฤทธิ์ผล เมื่อประชาชนฝรั่งเศสออกมาใช้สิทธิ์คับคั่งด้วยการเทคะแนนให้กลุ่มพรรคพันธมิตรฝ่ายซ้ายจนมีแนวโน้มเป็นพรรคอันดับหนึ่งในรัฐสภา เขี่ยพรรคขวาจัดลงไปเป็นอันดับสาม ทั้งๆที่เพิ่งชนะถล่มทลายจากการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติรอบแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน

ความคาดหวังในการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวของพรรครณรงค์แห่งชาติ (National Rally หรือ Rassemblement National) ฝั่งขวาจัด มีอันต้องพังทลายลงหลังจากผลการเลือกตั้งรอบสองผิดคาดอย่างน่าประหลาดใจ

ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการจากการเลือกตั้งทั้งสองรอบชี้ว่า พรรคแนวร่วมนิยมใหม่ (NFP) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วจากการรวบรวมกลุ่มสังคมนิยม, กลุ่มกรีน, กลุ่มคอมมิวนิสต์ และกลุ่มฝรั่งเศสไม่ยอมก้มหัวที่เคยเป็นอริทางการเมืองกันก่อนหน้านี้ จะมีคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยพรรคสายกลางของเอมมานูเอล มาครง และพรรครณรงค์แห่งชาติ

ผลคะแนนยังชี้ด้วยว่า จะไม่มีพรรคใดได้คะแนนเสียงแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ซึ่งจะส่งผลให้ฝรั่งเศสตกอยู่ในภาวะไร้ขอบเขตทางการเมือง โดยไม่มีทิศทางที่ชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก่อนภารกิจสำคัญอย่างการประชุมสุดยอดนาโต และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส

นายกรัฐมนตรีกาเบรียล แอตทาล จากพรรคสาธารณรัฐเดินหน้า (La République en Marche!) กล่าวว่า เขาจะยื่นลาออกต่อประธานาธิบดีมาครงในวันจันทร์ แต่ก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ตามความจำเป็นของภารกิจ โดยเฉพาะการเป็นเจ้าภาพแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า

ทั้งนี้ พรรครณรงค์แห่งชาติของมารีน เลอ เปนซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมากประสบการณ์ ได้รับการคาดหมายมาตลอดสัปดาห์ว่าจะกวาดที่นั่งในรอบสองอย่างถล่มทลาย และเดินเข้าครอบครองรัฐสภาอย่างผู้ชนะ แต่การคาดการณ์โดยอิงจากตัวอย่างคะแนนเสียงของหน่วยงานเลือกตั้งหลัก 4 แห่งเมื่อวันอาทิตย์พบว่า พรรคพันธมิตรฝ่ายซ้ายเหนือกว่าทั้งเลอ เปน และมาครง

เลอ เปนที่ยังคงประหลาดใจกับผลคะแนนที่พลิกความคาดหมาย ประกาศว่า "กระแสน้ำนั้นสูงขึ้นไม่มากพอในคราวนี้ แต่เชื่อว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ...ทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่ชัยชนะที่ถูกเลื่อนออกไปเท่านั้น"

ขณะที่ฌอง-ลุค เมลองชง ผู้นำของกลุ่มฝรั่งเศสไม่ยอมก้มหัว (LFI) และผู้นำฝ่ายซ้ายของกลุ่มพันธมิตรแนวร่วมนิยมใหม่ (NFP) เรียกร้องให้กลุ่มของเขาได้รับอนุญาตให้จัดตั้งรัฐบาล

"ฝ่ายซ้ายที่เปี่ยมด้วยเอกภาพได้แสดงให้เห็นแล้วว่าได้รับการยอมรับมากพอในการสร้างประวัติศาสตร์และทำลายกับดักทางการเมืองประเทศด้วยวิธีของตัวเอง เพื่อกอบกู้สาธารณรัฐฝรั่งเศสด้วยแนวทางใหม่" เมลองชงกล่าว

คาดการณ์ว่าพันธมิตรฝ่ายซ้ายจะได้ที่นั่งระหว่าง 172-215 ที่นั่ง, พันธมิตรสายกลางของประธานาธิบดีมาครงจะได้ 150-180 ที่นั่ง และพรรคขวาจัดของมารีน เลอ เปนจะได้ 115-155 ที่นั่ง

จอร์แดน บาร์เดลลา หัวหน้าพรรครณรงค์แห่งชาติวัย 28 ปี ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะได้จัดตั้งรัฐบาลในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่หลังได้รับชัยชนะท่วมท้นจากการเลือกตั้งรอบแรก กล่าวประณามแคมเปญการร่วมกลุ่มทางการเมืองเพราะความหวาดกลัวต่อชัยชนะของฝั่งขวาจัดว่าเป็น "พันธมิตรแห่งความเสื่อมทางการเมืองที่ได้เหวี่ยงฝรั่งเศสเข้าสู่อ้อมแขนของฝ่ายซ้ายสุดโต่งอย่างฌอง-ลุค เมลองชง"

"ผมพูดเรื่องนี้ด้วยความโกรธอันเนื่องจากมีการลิดรอนสิทธิของชาวฝรั่งเศสหลายล้านคนไม่ให้มีโอกาสได้เห็นแนวคิดของตนขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งประเทศนี้มิอาจยอมรับได้" บาร์เดลลากล่าวพร้อมให้คำมั่นว่าจะต่อสู้ต่อไป

สัปดาห์ที่แล้วมีการทำข้อตกลงการลงคะแนนทางยุทธวิธีมากกว่า 200 ฉบับระหว่างผู้สมัครฝ่ายกลางและฝ่ายซ้าย เพื่อจุดประสงค์ในการสกัดกั้นไม่ให้พรรคขวาจัดคว้าเสียงข้างมากโดยสมบูรณ์

ยุทธวิธีทางการเมืองครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของแนวร่วมที่เรียกว่า "แนวหน้ารีพับลิกันต่อต้านขวาจัด" ซึ่งเคยใช้ครั้งแรกสมัยฌ็อง-มารี เลอ เปน (บิดาของมารีน เลอ เปน) เผชิญหน้ากับฌาคส์ ชีรัก ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2545

การรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส อีกทั้งยังเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกรักชาติ, การข่มขู่และใช้ความรุนแรง รวมถึงการเหยียดเชื้อชาติ ต่อผู้สมัครหลายสิบคน

ตำรวจราว 30,000 นายถูกส่งไปประจำการตามจุดสำคัญเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ขณะที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมากแสดงความกังวลว่าจลาจลอาจปะทุขึ้นในบางเมืองหลังจากประกาศผล

หลายฝ่ายเชื่อว่า หากพรรครณรงค์แห่งชาติขวาจัดได้จัดตั้งรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะทำให้จุดยืนระหว่างประเทศของฝรั่งเศสอ่อนแอลง และคุกคามความสามัคคีของชาติตะวันตกเมื่อเผชิญกับรัสเซียที่ยังคงรุกรานต่อเนื่องในยูเครน

สหภาพยุโรปได้เรียนรู้แนวทางของพรรคขวาจัดเป็นอย่างดีจากรัฐบาลอิตาลีและเนเธอร์แลนด์ และผิดหวังอย่างมากกับนายกรัฐมนตรีหัวแข็งสุดโต่งอย่างวิคเตอร์ ออร์บาน ของฮังการี จึงได้จับตาดูทิศทางรัฐบาลใหม่ของฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิด

คำถามสำหรับฝรั่งเศสในตอนนี้ก็คือ พันธมิตรโดยพันธกิจทางการเมืองครั้งนี้จะจัดตั้งรัฐบาลที่มั่นคงได้หรือไม่ ขณะที่พรรครณรงค์แห่งชาติขวาจัดยังคงยืนหยัดต่อสู้ในรัฐสภาอย่างไม่ยอมแพ้ และมารีน เลอ เปนเองก็เตรียมลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี 2570.

เพิ่มเพื่อน