เมียนมาจำคุก 'อองซาน ซูจี' เพิ่มอีก 4 ปี คดีวิทยุสื่อสาร

ศาลเมียนมามีคำพิพากษาเมื่อวันจันทร์ว่า นางอองซาน ซูจี มีความผิดอาญาอีก 3 ข้อหา ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและครอบครองวิทยุสื่อสารอย่างผิดกฎหมายและฝ่าฝืนกฎควบคุมโควิด-19 และตัดสินลงโทษจำคุกนางเพิ่มอีก 4 ปี

แฟ้มภาพ นางอองซาน ซูจี เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2555 (AFP)

เอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวที่รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการพิจารณาคดีนี้เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ว่าศาลพิเศษของรัฐบาลทหารเมียนมาในกรุงเนปยีดอมีคำพิพากษาคดีของนางอองซาน ซูจี ในวันเดียวกัน โดยตัดสินว่า อดีตผู้นำรัฐบาลพลเรือนวัย 76 ปีผู้นี้มีความผิด 2 ข้อหา ตามกฎหมายส่งออกและนำเข้า และตัดสินจำคุกนาง 2 ปีฐานนำเข้าและครอบครองวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต กับอีก 1 ปีฐานครอบครองอุปกรณ์รบกวนสัญญาณ ทั้งสองข้อหารับโทษจำคุกพร้อมกัน

นางซูจีถูกควบคุมตัวมาตั้งแต่ทหารก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เอกสารของตำรวจเผยว่า การตรวจค้นบ้านของนางที่กรุงเนปยีดอ พบวิทยุสื่อสารที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมาย 6 เครื่อง

ในคำพิพากษาเมื่อวันจันทร์ นางซูจียังมีความผิดตามกฎหมายจัดการภัยพิบัติ จากการฝ่าฝืนกฎระเบียบควบคุมไวรัสโคโรนา และถูกตัดสินจำคุก 2 ปี รวมโทษจำคุกทั้งหมดเป็น 4 ปี

คำพิพากษาล่าสุดเพิ่มเติมจากคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่นางถูกตัดสินจำคุก 4 ปีในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นและฝ่าฝืนกฎควบคุมไวรัสโควิด-19 ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งปี 2563 แต่ต่อมาพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย อภัยโทษให้นางเหลือโทษจำคุก 2 ปี โดยให้รับโทษด้วยการกักบริเวณที่บ้านในกรุงเนปยีดอ

การพิจารณาคดีของนางซูจีไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟัง และทนายความของนางถูกห้ามให้ข่าวหรือเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่เอเอฟพีกล่าวว่า พลตรีซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารยืนยันว่า ศาลมีคำพิพากษาและตัดสินลงโทษจำคุกนางซูจีเมื่อวันจันทร์ และนางจะยังคงถูกกักบริเวณที่บ้านต่อไประหว่างรอการพิจารณาคดีที่เหลือ

นางซูจียังเผชิญข้อกล่าวหาอื่นๆ อีกกว่า 10 คดี รวมถึงข้อหาเกี่ยวกับการคอร์รัปชันหลายข้อหา ซึ่งแต่ละข้อหามีโทษจำคุก 15 ปี และข้อหาละเมิดกฎหมายความลับทางราชการ โทษจำคุกสูงสุดรวมทั้งหมดมากกว่า 100 ปี นางซูจีปฏิเสธทุกข้อหา

เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา นางซูจีพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลชุดที่แล้วอีก 15 คน รวมถึงประธานาธิบดีวิน มยิน ถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2563 ซึ่งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางซูจี ชนะอย่างถล่มทลาย แต่กองทัพกล่าวหาว่ามีการทุจริตและใช้เป็นข้ออ้างในการก่อรัฐประหาร

คำพิพากษาจำคุกนางซูจีเมื่อเดือนธันวาคมเรียกเสียงประณามจากนานาชาติ ภายในเมียนมา ประชาชนแสดงออกถึงความโกรธด้วยกลยุทธ์แบบเก่าคือการตีหม้อตีกระทะ

ก่อนหน้าคำตัดสินเมื่อวันจันทร์ แมนนี หม่อง นักวิจัยของฮิวแมนไรต์วอตช์ กล่าวว่า คำพิพากษาโทษนางซูจีเพิ่มเติมจะยิ่งทำให้ความไม่พอใจทั่วเมียนมาทวีขึ้น คำตัดสินลงโทษนางซูจีในครั้งที่แล้วเคยก่อปฏิกิริยาในโซเชียลมีเดียจากเมียนมาคึกคักที่สุดวันหนึ่ง

"ทหารคำนวณว่าคดีนี้เป็นกลยุทธ์สร้างหวาดกลัว แต่มันมีแต่จะทำให้ประชาชนโกรธแค้นมากขึ้น" เธอกล่าวกับเอเอฟพี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

3 ชาติผนึกกำลังทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุบ 'KK Park - ชเวก๊กโก' ราบคาบ เตรียมหิ้วตัวกลับจีนล็อตใหญ่

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอ

'ผบ.ทสส.' ฮึ่ม! ใช้กฎการใช้กำลัง หากกระสุนรบเมียนมา-ชนกลุ่มน้อยตกชายแดนไทยอีก

ผบ.ทสส. รับทราบรายงานกระสุนรบเมียนมา-ชนกลุ่มน้อย ตกชายแดนไทย บอก ประสานพื้นที่แจ้งเตือนแล้ว หากเกิดซ้ำ เตรียมใช้กฎการใช้กำลัง พร้อมเตรียมสั่งอพยพ ปชช.จากที่เสี่ยง

ทหารยกระดับคุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา ป้องรุกล้ำอธิปไตย

ทหารไทยหน่วยเฉพาะกิจรามนู กองกำลังนเรศวร พร้อมอาวุธปืนหนัก-รถยานเกราะ นำกำลังพลออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา และวางกำลังตามจุดล่อแหลม

ทหารเมียนมาเปลี่ยนจุดบึ้ม 'เคเคปาร์ค' ส่วนตึก 5 ชั้นเอียงใกล้ถล่ม

ทหารเมียนมาร่วมกับกะเหรี่ยงกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF.) พันธมิตรของทหารเมียนมา ยังคงเดินหน้าวางระเบิดทำลายอาคาร สำนักงานในพื้นที่เมืองเอ่งจี่เหมี่ยง

ทบ. คุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา ต่างด้าวทะลักข้ามฝั่งกว่า 1,500 คน ชาวอินเดียมากสุด

ทบ.เผยสถานการณ์ชายแดนไทย–เมียนมา ยังคงเฝ้าระวังใกล้ชิด หลังแรงงานต่างชาติหลบหนีจากพื้นที่โครงการ KK-Park ข้ามมายังฝั่งไทยกว่า 1,500 คน