ประชาชนนับพันอพยพหนีไฟป่าแคลิฟอร์เนีย

ประชาชนหลายพันคนได้รับคำสั่งให้อพยพในขณะที่ไฟป่าลุกลามจนควบคุมไม่ได้ ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยที่พื้นที่กว้างใหญ่ของสหรัฐฯ อยู่ภายใต้คลื่นความร้อนสูงทำลายสถิติและเป็นอันตราย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการควบคุมไฟ

สถานที่เกิดเหตุไฟป่าหลายจุดในเมืองโอโรวิลล์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม (Photo by JOSH EDELSON / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม 2567 กล่าวว่า เกิดไฟป่าลุกลามเป็นวงกว้างทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้ประชาชนหลายพันคนเร่งอพยพออกจากพื้นที่

มีพื้นที่ถูกเผาผลาญไปแล้วมากกว่า 3,500 เอเคอร์ (ประมาณ 8,855 ไร่) นับตั้งแต่เกิดไฟป่าในจุดแรกเมื่อวันอังคารนอกเมืองโอโรวิลล์ และประชาชนกว่า 25,000 คนในพื้นที่ได้รับคำสั่งให้อพยพตั้งแต่วันพุธ

เมืองดังกล่าวอยู่ใกล้กับซาคราเมนโตซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ เพียง 38 กิโลเมตร และชุมชนแถบนี้เคยประสบเหตุไฟไหม้ครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์แคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2561 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 ราย

นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศกล่าวว่า พื้นที่ทางตะวันตกของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภาวะแห้งแล้งมานานหลายทศวรรษ เนื่องจากรูปแบบสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาวะโลกร้อนที่เกิดจากฝีมือมนุษย์

แคลิฟอร์เนียประสบภัยแล้งมาประมาณ 20 ปี แต่ช่วงสองปีที่ผ่านมาค่อนข้างไม่รุนแรง โดยมีปริมาณฝนมากเกือบเป็นประวัติการณ์จนเต็มอ่างเก็บน้ำ

อย่างไรก็ตาม ปี 2567 กำลังจะกลายเป็นปีที่ร้อนและแห้งแล้งกว่าปีก่อนๆ จนส่งผลให้พืชพรรณต่างๆ สลายตัวลงอย่างรวดเร็วและกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีสำหรับไฟป่า

เงื่อนไขดังกล่าวทำให้ทางการต้องประกาศเตือนเฝ้าระวังเหตุเพลิงไหม้ร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากผู้คนประมาทเลินเล่อกับการจุดดอกไม้ไฟในช่วงวันประกาศอิสรภาพ 4 กรกฎาคมนี้

นักผจญเพลิงราว 1,400 คนถูกระดมมาดับไฟป่าในจุดต่างๆด้วยเครื่องมือเต็มรูปแบบ รวมทั้งใช้เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ในการทิ้งสารดับไฟสีแดงผ่านทางอากาศ

เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตบัตต์ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อระดมทรัพยากรและความช่วยเหลือจากส่วนกลางในการต่อสู้กับเปลวไฟ

"เรากำลังใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อจัดการกับไฟที่ลุกลาม และจะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรในท้องถิ่นและรัฐบาลกลางของเราเพื่อสนับสนุนชุมชนที่ได้รับผลกระทบ" ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าว พร้อมเสริมว่า "ในขณะที่เราเข้าสู่ช่วงเดือนแห่งไฟป่าที่ท้าทายที่สุด รัฐเองก็เตรียมพร้อมมากขึ้นกว่าเดิมในการปกป้องชุมชนที่มีความเสี่ยง ด้วยเครื่องมือ, เทคโนโลยี และทรัพยากรใหม่ๆ"

กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติสหรัฐ (NWS) ระบุว่า พื้นที่ไฟป่าดังกล่าวอาจมีอุณหภูมิสูงถึง 46 องศาเซลเซียสในบางจุด และไม่ปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต

"คาดการณ์ว่าอุณหภูมิความร้อนจะสูงทำลายสถิติและเป็นอันตรายทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันตกและจากที่ราบทางตอนใต้ไปจนถึงตอนกลางมหาสมุทรแอตแลนติก"

"ขณะนี้ประชาชนเกือบ 150 ล้านคนอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังและคำเตือนที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความร้อนทั่วทั้ง 21 รัฐ ในบ่ายวันนี้" กรมอุตุนิยมวิทยาฯระบุ และเสริมว่าคลื่นความร้อนจะแผ่มาจากชายฝั่งตะวันตกและเข้าปกคลุมตอนกลางของแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่จะแผ่ขยายออกไปอีกตลอดสัปดาห์ ในทิศทางของรัฐออริกอนและวอชิงตัน

เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วกำลังกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างไม่ควบคุมของมนุษยชาติ นับตั้งแต่เริ่มต้นของยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม.

เพิ่มเพื่อน