
หลังจากการดีเบตจนตกเป็นรองโดนัลด์ ทรัมป์ โจ ไบเดนก็มาถึงทางแยกว่าจะไปต่อหรือพอแล้ว? คนวงในของเขามีความคิดเห็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และอาจระบุได้ว่ามีใครบางคนที่ต้องถูกตำหนิสำหรับผลงานการดวลทางทีวีที่เลวร้ายของเขาครั้งนี้ด้วย
มีรายงานว่าครอบครัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังคงสนับสนุนให้ชายวัย 81 ปีลงสมัครชิงตำแหน่งประมุขทำเนียบขาวต่อไป หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ในการดีเบตทางทีวีกับโดนัลด์ ทรัมป์-ผู้ท้าชิง บรรดาญาติมิตรของไบเดนเสนอให้พรรคดีโมแครต “ให้การสนับสนุนอย่างไม่จำกัด” ระหว่างการประชุมภายในครอบครัวที่แคมป์เดวิด ใกล้กรุงวอชิงตัน ขณะเดียวกันข้อโต้เถียงเกี่ยวกับวัยที่ชราของไบเดนก็ยังคงเป็นแรงกดดันอยู่
โจ ไบเดนกลับมารวมตัวกับสมาชิกครอบครัวของเขาที่แคมป์เดวิดอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์หลังจากเสร็จภารกิจการรณรงค์หาเสียง ความจริงเขาได้วางแผนการเดินทางมาระยะหนึ่งแล้ว ทำเนียบขาวเองก็พยายามบ่ายเบี่ยง ไม่ให้ใครคิดว่าเป็นการประชุมฉุกเฉิน การถ่ายภาพกับช่างภาพชื่อดัง-แอนนี ไลโบวิตซ์ดูเหมือนจะกลายเป็นวาระการประชุม ทำให้บรรดาลูกหลานของไบเดนต้องเดินทางมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไบเดนต้องการเดินทางกลับทำเนียบขาวในเย็นวันจันทร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) นอกเหนือจากจะปฏิบัติภารกิจในฐานะประธานาธิบดีแล้ว เขายังวางแผนจะจัดงานเลี้ยงรับรองผู้บริจาคของพรรคดีโมแครตอีกด้วย
ไบเดนคาดหวังไม่ต่างจากทรัมป์ ที่จะชนะการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน แต่หลังจากการดีเบตทางทีวีครั้งแรกที่ล้มเหลวของไบเดนเมื่อตอนค่ำของวันพฤหัสบดี การถกเถียงได้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาว่า ผู้สมัครจากพรรคดีโมแครตจะยังเหมาะสมกับตำแหน่งจริงๆ หรือไม่ หรือจะเป็นการดีกว่าถ้าไบเดนจะยอมถอยและเปิดทางให้กับผู้สมัครที่อายุน้อยกว่า จนถึงขณะนี้ไบเดนยังฝืนต่อข้อเรียกร้องให้ถอนตัว และกำลังพยายามจำกัดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ส่วนจิล-ภริยาของเขาก็ยังคงให้การสนับสนุนเขาอยู่
สื่อในสหรัฐอเมริการายงานว่า ที่แคมป์เดวิด ครอบครัวของไบเดนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งกับทีมงานคนใกล้ชิดของพรรคดีโมแครต เนื่องจากมองว่าการดีเบตที่ล้มเหลวนั้นเป็นผลงานของทีมงาน ไบเดนไม่มีความพร้อมในการโจมตีทรัมป์อย่างรุนแรง และไม่มีชั้นเชิงพอที่จะปกป้องตัวเอง อีกทั้งยังพลาดในการสรุปวิสัยทัศน์สำหรับวาระที่สองของการดำรงตำแหน่ง นอกจากนี้ครอบครัวไบเดนยังวิจารณ์เรื่องที่เขาทำงานหนักเกินไปด้วย
มีข้อกังขามานานแล้วเกี่ยวกับความเหมาะสมของโจ ไบเดนในการดำรงตำแหน่งในวาระที่สอง เนื่องจากความชราภาพของเขา หากเขาชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน เขาจะมีอายุครบ 82 ปีตอนสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในปีใหม่ ในขณะที่พรรคดีโมแครตคาดหวังว่าไบเดนจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขายังคงฟิตอยู่ในระหว่างการดีเบต แต่สิ่งที่ปรากฏกลับตรงกันข้าม ไบเดนพลาดการตอบกระทู้หลายครั้งต่อหน้าผู้ชมทีวีหลายล้านคน นอกจากนั้นเขายังชอบพูดพึมพำ สายตาว่างเปล่า พร้อมกับอ้าปากค้าง และมักจะสื่อความด้วยประโยคที่จบไม่ลง
ปกติแล้วไบเดนมักจะไปปรากฏตัวต่อสาธารณะด้วยท่าเดินที่แข็งทื่อ ซึ่งนั่นยังเป็นหัวข้อที่คนพูดถึงอยู่เสมอ บ่อยครั้งเขาถูกวิจารณ์ว่าไม่มีสมาธิ ทำเนียบขาวมักปฏิเสธเรื่องนี้เป็นประจำ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พอร์ทัล Axios รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวซึ่งไม่เปิดเผยชื่อว่า ไบเดนมีร่างกายฟิตเป็นพิเศษในช่วงเวลาระหว่าง 10.00 น.ถึง 16.00 น. ดังนั้นจึงมีการวางแผนจัดกิจกรรมสาธารณะส่วนใหญ่ในช่วงเวลาดังกล่าวของวัน พ้นจากช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้ว ไบเดนจะเริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอย
เวลานี้พรรคดีโมแครตยังให้การสนับสนุนโจ ไบเดนอย่างเปิดเผย แต่หากผลสำรวจชี้ว่าคะแนนนิยมของเขาแย่ลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า บางทีอาจจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดเบื้องลึก! ทำไม 'ภูมิใจไทย' มีแคนดิเดตนายกฯแค่ 2 คน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ทำไม ภูมิใจไทย มีแคนดิเดตเพียง 2 คน" โดยระบุว่า
ข้อกล่าวหาเรื่องการปกปิดความจริง หลังการเปิดเผยเอกสารของเอปสไตน์ เริ่มปรากฏ
การเปิดเผยเอกสารเกี่ยวกับ เจฟฟรีย์ เอปสไตน์ ผู้กระทำความผิดทางเพศที่เสียชีวิตไปแล้วอย่างไม่ครบถ้วน ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากรัฐสภาสหรัฐฯ และเหยื่อของเอปสไตน์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
จับตา‘ทรัมป์’คุย2ผู้นำ ยึด‘ช่องอานม้า’100%
"ทรัมป์" บอกเตรียมโทร.หาผู้นำไทย-กัมพูชา โวสยบศึกได้แน่
นายกฯ คุยทรัมป์ รับสัญญาณลดภาษีสหรัฐฯ ให้ไทยดีกว่าประเทศอื่น ไม่ผูกปมชายแดน
12 ธันวาคม 2568 - เวลา 22.00น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวการหารือทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ร่วมรับฟังการสนทนาด้วย
ทรัมป์เตือนอิสราเอล อย่าแทรกแซงซีเรีย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนอิสราเอลไม่ให้แทรกแซงซีเรีย “เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่อิสราเอลจะต้องรักษาการเจรจาที่มั่นคงและจริงใจกับซีเรีย และต้องไม่มีการกระทำใด ๆ ที่อาจขัดขวางการพัฒนาซีเรียให้กลายเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง” ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาเมื่อวันจันทร์ เขายังเสริมด้วยว่า “ยังมีโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ”

