พรรคการเมืองขวาจัดคว้าชัยชนะเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรก

ฝ่ายขวาจัดของฝรั่งเศสมีโอกาสสูงในการได้จัดตั้งรัฐบาลและครอบครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากชนะการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติรอบแรก

จอร์แดน บาร์เดลลา ผู้นำขวาจัดจากพรรครณรงค์แห่งชาติ (National Rally หรือ Rassemblement National) กล่าวสุนทรพจน์ในช่วงเย็นของการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสรอบแรกในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน (Photo by JULIEN DE ROSA / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม 2567 กล่าวว่า การเลือกตั้งสภานิติบัญญัติรอบแรกของฝรั่งเศสจบลงด้วยชัยชนะของพรรครณรงค์แห่งชาติ (National Rally หรือ Rassemblement National) ฝั่งขวาจัด ที่เตรียมแต่งตัวนายกรัฐมนตรีจากฟากฝั่งตน พร้อมโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล

แม้รอบแรกจะชนะไปได้ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าพรรครณรงค์แห่งชาติของมารีน เลอ เปน จะคว้าที่นั่งในรัฐสภาชุดใหม่แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจากการเลือกตั้งรอบที่ 2 ในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ได้หรือไม่ ขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะไม่พลิกโผ

สำนักงานสำรวจความคิดเห็นที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสคาดการณ์ว่าพรรคขวาจัดอนุรักษนิยมได้คะแนนไปประมาณ 34.5% ขณะที่พรรคฝ่ายซ้ายเสรีนิยมได้ไปราว 29% และพรรคสายกลางของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ได้ไป 21.5%

หน่วยงานการเลือกตั้งคาดการณ์ว่า พรรคขวาจัดอนุรักษนิยมน่าจะคว้าที่นั่งส่วนใหญ่ในรัฐสภาแห่งชาติที่มี 577 ที่นั่งได้หลังการเลือกตั้งรอบที่ 2 แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้ 289 ที่นั่งที่จำเป็นสำหรับการครองรัฐบาลพรรคเดียวหรือไม่

การคาดการณ์จากหน่วยงานสำรวจของเอกชนนั้นค่อนข้างมีความหลากหลาย โดยพรรคขวาจัดถูกประเมินไว้ว่าจะได้ที่นั่งในรัฐสภาใน 3 รูปแบบคือ 230-280 ที่นั่ง, 240-270 ที่นั่ง หรือไม่ก็ 260-310 ที่นั่ง

เห็นได้ชัดว่าเดิมพันด้วยการเร่งรีบยุบสภาของมาครงกลับทำให้เกิดผลเสียกับรัฐบาลเดิมมากกว่า เพราะคาดว่าพรรคสายกลางและพันธมิตรของพวกเขาจะกลายเป็นชนกลุ่มน้อยในรัฐสภา ซึ่งจะทำให้ประธานาธิบดีมีอำนาจน้อยลงมากในช่วง 3 ปีที่เหลือของวาระการดำรงตำแหน่ง

ในแถลงการณ์หลังเลือกตั้งรอบแรกสิ้นสุด มาครงเรียกร้องให้พันธมิตรจากทุกฝ่ายรวมตัวกันเพื่อต่อต้านกลุ่มขวาจัดในการเลือกตั้งรอบที่ 2 ซึ่งหมายความว่าอาจจะมีการจับมือระหว่างสายกลางกับฝ่ายซ้ายในการสกัดไม่ให้ฝั่งขวาจัดได้ที่นั่งในรัฐสภาไปได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองที่มีการแบ่งขั้วรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ชาวฝรั่งเศสกลับเทใจให้กับการออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงครั้งนี้ โดยหน่วยงานคาดว่ามีมากถึง 67.5% ซึ่งถือเป็นตัวเลขการมีส่วนร่วมสูงสุดในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติรูปแบบปกติในฝรั่งเศสนับตั้งแต่ปี 2524 ขณะที่การเลือกตั้งล่าสุดเมื่อปี 2565 มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เพียง 47.5% เท่านั้น

ทั้งนี้ การลงคะแนนเสียงทั้ง 2 รอบอาจทำให้ฝ่ายขวาจัดขึ้นสู่อำนาจในฝรั่งเศสได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การยึดครองของนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2 และทำให้จอร์แดน บาร์เดลลา หัวหน้าพรรครณรงค์แห่งชาติวัย 28 ปี จะได้จัดตั้งรัฐบาล

ในการแถลงหลังสิ้นสุดการเลือกตั้งรอบแรก มารีน เลอ เปนกล่าวกับผู้สนับสนุนว่า "เรายังไม่ชนะอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะชี้ขาดกันในรอบที่ 2 ซึ่งเราต้องการเสียงข้างมากโดยสมบูรณ์ เพื่อที่จอร์แดน บาร์เดลลาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีโดยเอมมานูเอล มาครง"

ขณะที่บาร์เดลลากล่าวว่า ตัวเขาเองก็ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสแบบเบ็ดเสร็จพรรคเดียว

การตัดสินใจยุบสภาอย่างรวดเร็วของมาครง นอกจากจะทำให้เขาสูญเสียอำนาจในรัฐสภาแล้ว ประเทศยังตกอยู่ในความวุ่นวายทางการเมืองและจุดประกายความไม่แน่นอนให้กับภาวะเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรป

เห็นได้ชัดจากตลาดหลักทรัพย์ในกรุงปารีสที่ประสบปัญหาดัชนีลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสองปีในเดือนมิถุนายน โดยลดลง 6.4% ตามตัวเลขที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง