แม้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่โจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต ดูเพลี่ยงพล้ำในการปะทะคารมอย่างดุเดือดยกแรกกับโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน แถมโดนโจมตีผลงานอย่างหนัก
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน (ซ้าย) อภิปรายผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ร่วมกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ที่สตูดิโอของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน (Photo by ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2567 กล่าวว่า การดีเบตระดับชาติครั้งแรกระหว่างสองผู้สมัครชิงชัยประธานาธิบดีสหรัฐเริ่มขึ้นแล้ว โดยโจ ไบเดน เป็นตัวแทนจากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน
ไบเดนเตรียมตัวมาอย่างดีตลอดสัปดาห์เพื่อรับมือกับความกังวลของสาธารณชนว่าเขาแก่เกินไปสำหรับการสานต่อวาระผู้นำสมัยสอง ซึ่งระหว่างการดีเบตอันร้อนแรงกับโดนัลด์ ทรัมป์ เขาก็ถูกโจมตีด้วยประเด็นดังกล่าวจริงๆ
ทรัมป์ยังสาดวาทกรรมอย่างรุนแรงในการตำหนิผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาว่า ทำให้มหาอำนาจอย่างสหรัฐต้องดิ้นรนกับความล้มเหลวทางเศรษฐกิจและบทบาทในเวทีโลก
ทุกครั้งที่ไบเดนโต้กลับ มักจะถูกเสียงแหบห้าวของตัวเองเป็นอุปสรรค และทำให้การส่งข้อความของเขาสะดุดอยู่บ่อยครั้ง
ทุกอิริยาบถของไบเดนได้จุดชนวนให้เกิดความกังวลครั้งใหม่ภายในพรรคเดโมแครตของเขา ในขณะที่ผลสำรวจระบุว่า ทรัมป์มีคะแนนดีเบตนำหน้าไบเดน ก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน
นี่เป็นการดีเบตครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีคนปัจจุบันกับอดีตประธานาธิบดี ซึ่งต่างกล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นผู้นำที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ
ทรัมป์และไบเดนซึ่งต่างก็เป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดเมื่อได้รับเลือกครั้งแรก ถึงกับกล่าวหากันและกันว่าทำตัวเหมือนเด็กเมื่อพวกเขาทะเลาะกันเรื่องวงสวิงกอล์ฟ
ไบเดน วัย 81 ปี และทรัมป์ วัย 78 ปี ไม่ได้จับมือกันขณะเดินไปที่โพเดี้ยมบนเวทีถ่ายทอดสดของสำนักงานใหญ่ซีเอ็นเอ็น (CNN) ในแอตแลนตา
ไบเดนโจมตีทรัมป์ซึ่งๆหน้าและเตือนผู้ชมทางโทรทัศน์หลายล้านคนว่าทรัมป์จะเป็นอาชญากรคนแรกที่ถูกตัดสินลงโทษในทำเนียบขาว
ทรัมป์ ผู้มีประสบการณ์ด้านการชุมนุมและเรียลลิตีทีวี กล่าวด้วยเสียงดังในขณะที่เขาตรวจสอบรายการร้องเรียนมากมายเกี่ยวกับผลงานของไบเดน
"ผมเป็นเพื่อนกับผู้คนมากมาย พวกเขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับสหรัฐอเมริกา เราไม่ได้รับความเคารพอีกต่อไป" ทรัมป์กล่าว พร้อมโน้มน้าวว่าสหรัฐอเมริกาควรกลับมาอยู่ในมือคนทระนงอย่างเขามากกว่า
ผู้สมัครทั้งสองไม่ได้กล่าวถึงนโยบายใหม่ๆ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการโจมตีผลงานของอีกฝ่าย
ในช่วงหนึ่งของการอภิปรายด้านนโยบายต่างประเทศ ทรัมป์กล่าวหาไบเดนว่าไม่ช่วยอิสราเอล 'ยุติงาน' กับกลุ่มฮามาส
"เขาไม่อยากทำ เขาพยายามทำตัวเป็นเหมือนชาวปาเลสไตน์ แต่ก็ไม่มีใครชอบ เพราะเขาเป็นคนปาเลสไตน์ที่แย่และอ่อนแอมาก" ทรัมป์กล่าวหาไบเดน
ทรัมป์อธิบายว่าการที่ไบเดนถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานเป็นช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ และกล่าวว่าสิ่งนี้กลายเป็นแรงหนุนให้รัสเซียบุกดินแดนของยูเครน
อย่างไรก็ตาม ไบเดนโต้ว่าเขาภูมิใจที่ได้เป็นประธานาธิบดีคนล่าสุดที่ไม่มีทหารอเมริกันเสี่ยงภัยในต่างประเทศ
ทรัมป์และไบเดนยังขัดแย้งกันเรื่องการทำแท้งและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับฐานเสียงของพวกเขา
มีรายงานว่าไบเดนมีอาการป่วยในลำคอเล็กน้อยก่อนการดีเบต ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เขาดูเพลี่ยงพล้ำในการปะทะคารมกับทรัมป์
หลังจากนั้นรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ให้สัมภาษณ์สดกับซีเอ็นเอ็นยืนยันว่า ผลงานของไบเดนนั้นเป็นที่ประจักษ์และแข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่ก็รับทราบถึงความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพการอภิปรายของเขา แม้แต่อดีตผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของไบเดนยังยอมรับกับซีเอ็นเอ็นว่า "เป็นค่ำคืนที่เขาทำได้ไม่ดีและน่าผิดหวัง"
ผลสำรวจความคิดเห็นหลังการดีเบตของซีเอ็นเอ็นพบว่า 67% ของผู้ชมการอภิปราย ให้ทรัมป์เป็นฝ่ายชนะ
ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตเองก็ไม่มีทางเลือกและจำเป็นต้องเสนอชื่อไบเดนเป็นตัวแทนพรรคฯในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโดยแทบไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้ เว้นแต่ประธานาธิบดีจะขอถอนตัวเอง.