นายกฯ ฝรั่งเศส, ผู้นำขวาจัด และตัวแทนฝ่ายซ้ายดีเบตดุเดือดก่อนการเลือกตั้งสุดสัปดาห์ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองที่มีการแบ่งขั้วรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
(จากซ้ายไปขวา) จอร์แดน บาร์เดลลา ผู้นำขวาจัดจากพรรครณรงค์แห่งชาติ, นายกรัฐมนตรีกาเบรียล แอตทาล จากพรรคสาธารณรัฐเดินหน้า และมานูเอล บอมพาร์ด จากพรรคร่วมฝ่ายซ้ายแนวหน้าประชาชนใหม่ โพสท่าก่อนการดีเบตทางการเมืองที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ของฝรั่งเศส ช่อง TF1 ในเมืองบูโลญ-บียองกูร์ (Boulogne-Billancourt) นอกกรุงปารีส เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน (Photo by Dimitar DILKOFF / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 กล่าวว่า ฝรั่งเศสจัดเวทีดีเบตก่อนการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภารอบแรกในช่วงสุดสัปดาห์ โดยเชิญนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันจากพรรคสายกลาง, ผู้นำพรรคการเมืองขวาจัดอนุรักษนิยม และตัวแทนพรรคฝ่ายซ้ายเสรีนิยม มาปะทะคารมและแลกเปลี่ยนนโยบายต่อประชาชนที่เฝ้าชมผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์
นายกรัฐมนตรีกาเบรียล แอตทาล จากพรรคสาธารณรัฐเดินหน้า (La République en Marche!), จอร์แดน บาร์เดลลา ผู้นำขวาจัดจากพรรครณรงค์แห่งชาติ (National Rally หรือ Rassemblement National) และมานูเอล บอมพาร์ด จากพรรคร่วมฝ่ายซ้ายแนวหน้าประชาชนใหม่ (New Popular Front) เป็นตัวแทนพรรคการเมืองจากสามค่ายในการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด
ผลสำรวจความคิดเห็นก่อนหน้านี้ระบุว่า พรรครณรงค์แห่งชาติขวาจัดมีคะแนนนำมาเป็นอันดับแรกที่ 36% ตามมาด้วยฝ่ายซ้ายแนวหน้าประชาชนใหม่ที่ 29.5% และพันธมิตรสายกลางของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง อยู่ในอันดับที่สามที่ 20.5%
ด้วยวัยเพียง 28 ปี จอร์แดน บาร์เดลลาอาจกลายเป็นนายกรัฐมนตรีฝ่ายขวาจัดคนแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของฝรั่งเศส หลังสิ้นสุดการเลือกตั้งรอบที่สองในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า (7 กรกฎาคม) แม้เขาเคยออกตัวว่าจะขอรับตำแหน่งดังกล่าวก็ต่อเมื่อพรรครณรงค์แห่งชาติชนะเสียงข้างมากในรัฐสภาเท่านั้นก็ตาม
ในการดีเบต บาร์เดลลาแสดงความเชื่อมั่นว่าฝรั่งเศสจะมีรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง ไม่จากซ้ายก็ขวา พร้อมให้คำมั่นว่าหากได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาจะลดภาษีมูลค่าเพิ่มและยกเว้นภาษีสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี
แต่นายกรัฐมนตรีแอตทาลโต้ว่าผู้นำขวาจัดพูดทุกครั้งว่าเขาจะลดภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ไม่ได้บอกว่าเขาจะหารายได้เข้าคลังของประเทศด้วยวิธีใด
ในขณะเดียวกัน บอมพาร์ดจากฝ่ายซ้ายโยนความเลวร้ายทางเศรษฐกิจใส่นายกรัฐมนตรี พร้อมชี้ว่าความบกพร่องทางการบริหารของรัฐบาลปัจจุบันกลายเป็นบทเรียนราคาแพงของประเทศ
ในประเด็นผู้อพยพ ผู้นำขวาจัดกล่าวว่าเขาจะลดจำนวนผู้อพยพลงจำนวนมาก หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตัวแทนจากฝ่ายซ้ายโต้ว่าบาร์เดลลาซึ่งมีเชื้อสายอิตาลีและแอลจีเรีย ไม่น่าจะทำได้ตามที่พูด พร้อมไล่ให้กลับไปถามบรรพบุรุษเสียก่อนจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลลัพธ์ของการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาจะเป็นอย่างไร เอมมานูเอล มาครงให้คำมั่นว่าจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดวาระที่สองในปี 2570
เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทุกฝ่ายสำหรับการตัดสินใจยุบสภาอย่างกระทันหัน หลังจากที่พรรคของเขาแพ้หลุดลุ่ยในการเลือกตั้งยุโรปเมื่อต้นเดือน
อีกทั้ง คำขู่ของมาครงที่ว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองในฝรั่งเศสหากฝ่ายขวาหรือซ้ายได้บริหารนโยบายประเทศแบบสุดโต่ง กลายเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมืองจนหลายฝ่ายรุมประณาม ส่งผลให้พันธมิตรทางการเมืองของประธานาธิบดีที่ไม่เป็นที่นิยมรายนี้ขอร้องให้เขาถอยออกจากการหาเสียง.
