ผู้นำฟิลิปปินส์กร้าว จะไม่ยอมถูกข่มขู่จากผู้ใดก็ตาม ท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงระหว่างกองทัพเรือฟิลิปปินส์และหน่วยยามฝั่งของจีนในทะเลจีนใต้
เรือของกองกำลังฟิลิปปินส์ (กลาง) ถูกประกบเบียดโดยเรือยามชายฝั่งจีน 2 ลำ ระหว่างเหตุปะทะนอกสันดอนโธมัสที่สองในทะเลจีนใต้ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน (Photo by Handout / ARMED FORCES OF THE PHILIPPINES-PUBLIC AFFAIRS OFFICE / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ประกาศว่าตัวเขาและรัฐบาลจะไม่ยอมหงอต่อการกระทำข่มขู่ใดๆ หลังเกิดการปะทะบ่อยครั้งระหว่างกองทัพเรือฟิลิปปินส์และหน่วยยามฝั่งของจีนในทะเลจีนใต้
การเผชิญหน้าดังกล่าวเกิดขึ้นนอกสันดอนโธมัสที่สองเมื่อวันจันทร์ ขณะที่กะลาสีเรือจีนขัดขวางความพยายามของกองกำลังฟิลิปปินส์ในการเสริมกำลังนาวิกโยธินที่ประจำการอยู่บนเรือรบที่ถูกทิ้งร้าง ซึ่งรัฐบาลมะนิลาจงใจนำมาจอดบนสันดอนที่เป็นข้อพิพาทในปี 2542 เพื่อยืนยันการอ้างสิทธิ์ในอาณาเขต
นี่เป็นเหตุการณ์ล่าสุดและร้ายแรงที่สุดในการเผชิญหน้ากันที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างเรือของจีนและฟิลิปปินส์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่รัฐบาลปักกิ่งเพิ่มความพยายามที่จะผลักดันการอ้างสิทธิ์ของตนเหนือเส้นทางน้ำเกือบทั้งหมดที่มีจุดยุทธศาสตร์
"เราจะไม่มีวันถูกข่มขู่หรือกดขี่จากผู้ใด" มาร์กอสกล่าวระหว่างเยือนสำนักงานใหญ่ของกองกำลังฟิลิปปินส์บนเกาะปาลาวันในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่หลักที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลมากที่สุด
มาร์กอสมอบเหรียญรางวัลแก่กะลาสีเรือ 80 นายที่เข้าร่วมในภารกิจเสริมกำลัง โดยเรียกร้องให้พวกเขา "ทำหน้าที่ปกป้องชาติต่อไป" แม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มส่งสัญญาณอันตรายแล้วก็ตาม
"ฟิลิปปินส์ไม่เคยยอมจำนนต่ออำนาจต่างชาติใดๆ ตลอดประวัติศาสตร์ของประเทศ" มาร์กอสกล่าว พร้อมให้คำมั่นที่จะใช้สิทธิ์และเสรีภาพต่อไปเพื่อสนับสนุนผลประโยชน์ของชาติ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ และทิ้งท้ายว่า "นิสัยรักสงบและสันติของเราไม่ควรถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการยอมแพ้"
ทั้งนี้ สันดอนโธมัสที่สองอยู่ห่างจากเกาะปาลาวันประมาณ 200 กิโลเมตร และห่างประมาณ 1,000 กิโลเมตรจากเกาะไห่หนาน ซึ่งเป็นแผ่นดินใหญ่ที่ใกล้ที่สุดของจีน
กะลาสีเรือชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่งเพิ่งสูญเสียนิ้วโป้งจากการปะทะกับกะลาสีเรือยามชายฝั่งของจีนที่ใช้อาวุธมีด,ไม้ และขวานในการทำร้ายพวกเขา พร้อมยึดทำลายอุปกรณ์ของพวกเขา รวมทั้งปืนและเรือยาง
รัฐบาลปักกิ่งยืนกรานว่าหน่วยยามชายฝั่งของจีนประพฤติตนเป็นมืออาชีพด้วยความอดทนอดกลั้น และกล่าวโทษทางฟิลิปปินส์ว่าเป็นต้นเหตุของการปะทะกัน
ในการเผชิญหน้าครั้งก่อนๆ กองกำลังจีนได้ใช้ปืนแรงดันน้ำและยิงเลเซอร์ทางทหารในการปะทะกับเรือคุ้มกันของฟิลิปปินส์
การเผชิญหน้าบ่อยครั้งระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ทำให้เกิดความกังวลในวงกว้างว่าจะมีความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ซึ่งอาจดึงสหรัฐฯ และพันธมิตรอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้อง
รัฐบาลฟิลิปปินส์กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า พวกเขาไม่ได้ถือว่าการปะทะเมื่อวันจันทร์ว่าเป็น "การโจมตีด้วยอาวุธ" ที่จะกระตุ้นให้รัฐบาลวอชิงตันเข้ามาเกี่ยวข้องตามบทบัญญัติในสนธิสัญญาเพื่อช่วยเหลือพันธมิตรทางทหาร
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมะนิลากล่าวว่า ยังมีความกังวลในประเด็นที่กองกำลังจีนอาจพยายามทำแบบเดิมเพื่อข่มขู่ขับไล่กองกำลังฟิลิปปินส์ให้ออกไปจากสันดอนโธมัสที่สอง.
