เกาหลีใต้เรียกพบเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงโซล เพื่อประท้วงข้อตกลงด้านกลาโหมที่ลงนามโดยผู้นำรัสเซียและผู้นำเกาหลีเหนือที่เปียงยางสัปดาห์นี้
เกอร์กี ซิโนเวียฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงโซล เดินทางมาถึงกระทรวงต่างประเทศเกาหลึใต้ ในกรุงโซล เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน (Photo by YONHAP / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 กล่าวว่า สืบเนื่องจากการลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางทหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียกับคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ล่าสุด รัฐบาลเกาหลีใต้สั่งเรียกตัวเกอร์กี ซิโนเวียฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงโซลเข้าพบ เพื่อประท้วงข้อตกลงดังกล่าว
กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลงว่า "เราขอเรียกร้องอย่างจริงจังต่อรัสเซีย ให้หยุดความร่วมมือทางทหารกับเกาหลีเหนือทันที และปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่คว่ำบาตรต่อรัฐบาลเปียงยาง"
การเรียกตัวเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบเกิดขึ้นสองวันหลังจากปูตินและคิมลงนามในข้อตกลง "หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม" ซึ่งรวมถึงคำมั่นว่าจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันหากถูกโจมตี
ปูตินยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลมอสโกไม่ปฏิเสธความร่วมมือทางทหารและทางเทคนิคกับเกาหลีเหนือ หรือแม้แต่การส่งอาวุธ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติต่อเปียงยาง
รัฐบาลโซลเรียกร้องให้รัสเซียปฏิบัติตามความรับผิดชอบในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง
"การละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงและการสนับสนุนเกาหลีเหนือ จะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของเรา และส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และรัสเซียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุ
เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหประชาชาติมาตั้งแต่ปี 2549 จากการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ และมาตรการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย แต่ปูตินกล่าวในเปียงยางว่าสหประชาชาติควรทบทวนมาตรการคว่ำบาตรเสียใหม่
รัสเซียและเกาหลีเหนือเป็นพันธมิตรกันนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนในปี 2565
เกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า พวกเขาจะพิจารณาแก้ไขนโยบายส่งออกอาวุธที่มิให้นำไปใช้ในการทำสงคราม และหลังจากนั้นอาจส่งมอบให้แก่ยูเครนโดยตรง.
