สหประชาชาติยินดีกับการตัดสินใจของอิสราเอลที่จะ "หยุด" การสู้รบรอบเส้นทางฉนวนกาซาตอนใต้ทุกวันเพื่อเปิดเส้นทางให้ขบวนความช่วยเหลือ พร้อมร้องขอมาตรการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นเพื่อปลดล็อกการตอบสนองด้านมนุษยธรรม
เด็กๆ เข้าคิวพร้อมหม้อเพื่อรับความช่วยเหลือด้านอาหารจากห้องครัวที่โรงเรียน Abu Zeitun ซึ่งดำเนินการโดย สหประชาชาติ ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียเพื่อชาวปาเลสไตน์ ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน (Photo by Omar AL-QATTAA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2567 กล่าวว่า กองทัพอิสราเอลประกาศหยุดกิจกรรมทางทหารและทางยุทธวิธีในช่วงเวลากลางวันในพื้นที่ราฟาห์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา
จากความเคลื่อนไหวดังกล่าว สหประชาชาติได้ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับการตัดสินใจของอิสราเอลที่จะหยุดการสู้รบรอบเส้นทางตอนใต้ทุกวัน เพื่อให้ขบวนความช่วยเหลือเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย
"เรายินดีกับการประกาศนี้" เยนส์ แลร์เคอ โฆษกสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) กล่าว พร้อมเสริมว่า "แต่สิ่งนี้ยังไม่ได้นำไปสู่จุดสิ้นสุดของวิกฤตด้านมนุษยธรรมอย่างแท้จริง เป็นเพียงแค่การช่วยเหลือให้ผู้คนเข้าถึงความต้องการได้มากขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น"
"เราหวังว่าสิ่งนี้จะนำไปสู่มาตรการที่เป็นรูปธรรมของอิสราเอลในการแก้ไขปัญหาที่มีมายาวนานซึ่งขัดขวางการตอบสนองด้านมนุษยธรรมที่มีความหมายในฉนวนกาซา"
"สหประชาชาติและพันธมิตรด้านมนุษยธรรมของเราพร้อมที่จะมีส่วนร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือในการช่วยชีวิตจะไปถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั่วฉนวนกาซา ซึ่งเป็นที่ที่ความอดอยากอันเลวร้ายแพร่กระจายไปทั่ว"
"สภาพความเป็นอยู่ของผู้พลัดถิ่นที่ได้รับผลกระทบในฉนวนกาซานั้นย่ำแย่มาก พวกเขาต้องการอาหาร น้ำ, สุขาภิบาล, ที่พักพิง และการดูแลสุขภาพอย่างเร่งด่วน โดยหลายคนอาศัยอยู่ใกล้กับกองขยะมูลฝอย ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ"
"ปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาจะต้องได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ และอุปสรรคทั้งหมดจะต้องได้รับการขจัด เราจำเป็นต้องสามารถส่งมอบความช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัยทั่วฉนวนกาซา"
"เราคาดหวังให้ถนนทุกสายใช้งานได้อย่างปลอดภัย รวมถึงการอนุญาตให้นำน้ำมันเข้าพื้นที่ได้ตามปกติ ซึ่งจำเป็นอย่างมากในฉนวนกาซา นอกจากนี้การจัดหาอุปกรณ์สื่อสารและวัสดุลอจิสติกส์ที่จำเป็นก็ต้องได้รับการปลดล็อกจากเงื่อนไขต้องห้ามด้วยเช่นกัน"
"และที่สำคัญ ประเด็นหลักนิติธรรมต้องได้รับการแก้ไขทันที เพราะที่ผ่านมาความสิ้นหวังและการขาดแคลนความช่วยเหลือได้นำไปสู่การล่มสลายทางกฎหมายและความสงบเรียบร้อยเกือบทั้งหมดในฉนวนกาซา" โฆษกสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติกล่าว
ทั้งนี้ หน่วยงานของสหประชาชาติและกลุ่มช่วยเหลือภาคเอกชนเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับการขาดแคลนอาหารและสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ในฉนวนกาซา ซึ่งกลายเป็นวิกฤตที่รุนแรงขึ้นจากข้อจำกัดด้านการเข้าถึงทางบกและการปิดจุดผ่านแดนราฟาห์ที่ติดกับอียิปต์ นับตั้งแต่กองกำลังอิสราเอลเข้ายึดได้เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม
อิสราเอลปกป้องการกระทำของตนเองมาตลอดว่าได้ให้ความช่วยเหลือในฉนวนกาซาผ่านชายแดนเคเรม ชาลอม พร้อมโทษกลุ่มติดอาวุธที่คอยปล้นสะดมเสบียง และขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมสามารถแจกจ่ายความช่วยเหลือเหล่านั้นให้กับพลเรือนได้
สงครามที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในฉนวนกาซาปะทุขึ้นจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,194 ราย และกลุ่มติดอาวุธยังจับตัวประกันไว้ 251 คน ในจำนวนนี้ มี 116 คนยังคงอยู่ในฉนวนกาซา รวมถึงตัวประกันที่เสียชีวิตไปแล้ว 41 รายตามการยืนยันของอิสราเอล
ขณะที่การโจมตีตอบโต้ของอิสราเอลได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 37,296 รายในฉนวนกาซา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน, ผู้หญิง และเด็ก รวมทั้งยังคงปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าวเพื่อระดมโจมตีกลุ่มฮามาสให้สิ้นซากตามเจตนาของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มฮามาสกล่าวหาอิสราเอลโจมตีโรงพยาบาลทางตอนเหนือของฉนวนกาซา
กลุ่มฮามาสกล่าวหาอิสราเอลว่าโจมตีทางอากาศที่โรงพยาบาลแห่งสุดท้ายในฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลยังคง “ใช้ระเบิ
ดร.ปณิธาน วิเคราะห์สถานการณ์ตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลตอบโต้กลับอิหร่าน
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ โพสต์คลิปสัมภาษณ์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมข้อความว่า อิสราเอลแถลงว่าการโจมตีอิหร่านสิ้นสุดลงแล้ว (พรุ่งนี้ต้องจับตาดูการเจรจาหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกันรอบใหม่ระหว่างฮามาสและอิสราเอลที่ Doha)