ปูตินขู่ติดอาวุธประเทศอื่นให้ใช้โจมตีชาติตะวันตก

วลาดิมีร์ ปูตินตำหนิชาติตะวันตกที่ส่งอาวุธพิสัยไกลให้แก่ยูเครน และขู่กลับว่ารัฐบาลของเขาก็อาจทำเช่นนั้นกับประเทศอื่นๆที่จ้องโจมตีบรรดาชาติตะวันตกเช่นกัน

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศ ในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน (Photo by Valentina PEVTCOVA / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศ ในกรณีที่พันธมิตรตะวันตกหลายชาติ รวมถึงสหรัฐฯ ให้ไฟเขียวแก่ยูเครนในการใช้อาวุธที่พวกเขาสนับสนุนในการโจมตีเป้าหมายในดินแดนรัสเซีย

"หากพวกเขาเห็นว่าเป็นเรื่องชอบธรรมที่ส่งอาวุธพิสัยไกลให้ยูเครนและอนุญาตให้โจมตีดินแดนของเราและสร้างปัญหาให้เรา ถ้าอย่างนั้นเราก็มีสิทธิ์จัดหาอาวุธประเภทเดียวกันไปยังภูมิภาคของโลกที่พร้อมโจมตีประเทศตะวันตกเหล่านั้นเช่นกัน" ปูตินกล่าว

"นั่นคือการตอบสนองต่อการคุมคามที่เราจะพิจารณาอีกครั้ง และไม่จำเป็นต้องหวาดระแวงรัสเซียว่าจะพยายามโจมตีสมาชิกนาโต เพราะเราไม่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้น ไม่มีเลย" เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว

ปูตินเตือนว่าการส่งอาวุธของชาติตะวันตกไปยังยูเครนนั้นเป็นความคิดที่ผิด และเชื่อว่าผู้บริจาคกำลังพยายามควบคุมอาวุธดังกล่าวผ่านกองกำลังยูเครน

ผู้นำรัสเซียตำหนิเยอรมนีเป็นพิเศษ โดยกล่าวว่ารถถังคันแรกของเยอรมันที่ปรากฏบนดินแดนยูเครนได้กระตุ้นให้เกิดความหวาดหวั่นทางศีลธรรมและจริยธรรมในรัสเซีย เนื่องจากยุทโธปกรณ์เหล่านั้นทำให้หวนนึกถึงมรดกของสงครามโลกครั้งที่สอง

"เมื่อใดที่มีขีปนาวุธเพิ่มมากขึ้นในยูเครนเพื่อโจมตีเป้าหมายในดินแดนรัสเซีย เมื่อนั้นความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและเยอรมนีเป็นอันสิ้นสุดลง" ปูตินกล่าวถึงรัฐบาลเยอรมนี

ปูตินซึ่งนั่งให้สัมภาษณ์ท่ามกลางการรายล้อมของตัวแทนจากสำนักข่าวต่างๆ รวมถึงเอเอฟพี ย้ำว่าประเทศของเขาไม่ได้เริ่มสงครามกับยูเครน แต่กลับกล่าวโทษว่าเป็นเพราะการปฏิวัติในปี 2014 ที่เปลี่ยนนโยบายของยูเครนให้หันไปสนับสนุนชาติตะวันตก

"ทุกคนคิดว่ารัสเซียเริ่มสงครามในยูเครน แต่ผมอยากจะเน้นย้ำว่าไม่มีใครในโลกตะวันตกหรือยุโรปต้องการจำได้ว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างไร" ปูตินกล่าว

เขาปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนความสูญเสียในสนามรบของรัสเซียท่ามกลางความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี โดยระบุเพียงว่าความสูญเสียของยูเครนสูงกว่ารัสเซียถึง 5 เท่า

ปัญหาการบาดเจ็บล้มตายของทหารถือเป็นประเด็นอ่อนไหวอย่างยิ่งในรัสเซีย ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์หรือโต้แย้งทั้งหมดเป็นสิ่งต้องห้าม รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับกองทัพก็มีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการเสียชีวิตในยูเครนเมื่อปีที่แล้วของอาร์มัน โซลดิน นักข่าวของเอเอฟพี ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการยิงจรวดของรัสเซีย ปูตินตอบว่ารัฐบาลของเขาพร้อมที่จะช่วยสอบสวน

"เราพร้อมจะทำทุกอย่างตามขอบเขตอำนาจของเรา แม้ในทางปฏิบัติเราอาจจะทำอะไรได้ไม่มากนัก เพราะบุคคลดังกล่าวเสียชีวิตในเขตสงคราม" ปูตินกล่าว

นอกจากนี้ ปูตินยังถูกถามถึงการเลือกตั้งสหรัฐว่า ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ หรือโจ ไบเดน จะมีความหมายต่อความสัมพันธ์กับรัสเซียอย่างไรบ้าง

ผู้นำรัสเซียยักไหล่และตอบว่า "ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงไม่แตกต่าง"

อย่างไรก็ตาม เขามองว่าการดำเนินคดีอาญาต่อทรัมป์ในข้อหาปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจเมื่อเร็วๆ นี้นั้นมีแรงจูงใจจากประเด็นทางการเมือง ซึ่งได้ทำลายภาพลักษณ์ของสหรัฐอเมริกาเองในฐานะผู้นำในระบอบประชาธิปไตย

"เป็นที่แน่ชัดทั่วโลกว่าการดำเนินคดีกับทรัมป์เป็นเพียงการใช้ระบบตุลาการในระหว่างการต่อสู้ทางการเมืองภายใน"

"ความเป็นผู้นำของพวกเขาในขอบเขตของประชาธิปไตยกำลังถูกเผาจนราบคาบ" ผู้นำรัสเซียกล่าวเสริม

ทรัมป์กลายเป็นอดีตผู้นำสหรัฐคนแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาก่ออาชญากรรมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่คณะลูกขุนนิวยอร์กตัดสินว่าเขามีความผิดทางอาญา 34 กระทง จากการปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจและจ่ายเงินให้แก่บุคคลเพื่อปกปิดข้อมูลอันอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559

ปูตินยังกล่าวอีกว่า รัสเซียและสหรัฐยังคงหารือกันอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนนักโทษ โดยอ้างอิงถึงอีวาน เกิร์ชโควิช นักข่าวสหรัฐที่ถูกจับกุมในข้อหาจารกรรมเมื่อปีที่แล้ว

"หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสหรัฐฯ และรัสเซียมีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าพวกเขาจะตัดสินใจบนพื้นฐานของการตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อซึ่งกันและกันเท่านั้น" ปูตินกล่าวทิ้งท้าย.

เพิ่มเพื่อน