จนท.ซีอานขอโทษ คุมเข้มโควิด ปล่อยหญิงท้องแก่แท้งหน้ารพ.

สังคมออนไลน์จีนระอุ หญิงท้องแก่ 8 เดือนถูกโรงพยาบาลในนครซีอานปฏิเสธรับการรักษาเพราะไม่มีผลตรวจไวรัส ระหว่างที่เมืองยังล็อกดาวน์ควบคุมโควิด-19 ส่งผลให้เธอแท้งลูก เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขต้องแถลงขอโทษและสั่งพักงานผู้รับผิดชอบ

เจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจหน้าทางเข้าชุมชนหนึ่งในนครซีอาน มณฑลฉ่านซี เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2565 นครเก่าแก่แห่งนี้อยู่ระหว่างล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 (Getty Images)

รายงานเอเอฟพีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม 2565 กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ได้รับการเปิดเผยผ่านโพสต์ทางเว่ยป๋อ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเหมือนทวิตเตอร์ของจีน เมื่อวันที่ 1 มกราคม โดยหลานของหญิงผู้นี้โพสต์ภาพถ่ายและวิดีโอที่สตรีตั้งครรภ์ 8 เดือนคนนี้นั่งบนเก้าอี้พลาสติกด้านนอกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองซีอาน โดยมีเลือดนองรอบตัว

โพสต์ถูกลบไปแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นได้ผ่านสายตาผู้ใช้งานออนไลน์หลายร้อยล้านคน และก่อความเดือดดาลเกี่ยวกับความยากลำบากที่ชาวเมืองซีอานในมณฑลฉ่านซีต้องเผชิญในช่วงเวลาของการล็อกดาวน์นาน 2 สัปดาห์ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19

เหตุการณ์นี้ทำให้หลิว ซุนจื้อ ผู้อำนวยการคณะกรรมการสุขภาพเมืองซีอาน ต้องแถลงขอโทษเมื่อวันพฤหัสบดี "ข้าพเจ้าขอโทษอย่างสุดซึ้งต่อคนไข้ท่านนี้ ในนามของคณะกรรมการสุขภาพของเมือง" เขากล่าวก่อนจะลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับขอโทษต่อหน้าผู้สื่อข่าว

เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวว่า โรงพยาบาลได้รับคำสั่งให้ "ชดใช้" แก่สตรีผู้นี้ และขอโทษที่การเข้าถึงการดูแลทางการแพทย์ไม่ราบรื่นระหว่างภาวะโรคระบาด

ก่อนหน้านี้เมืองซีอานออกแถลงการณ์ว่า เหตุการณ์ที่โรงพยาบาลซีอานเกาสินก่อให้เกิดความกังวลอย่างกว้างขวางและส่งผลกระทบต่อสังคมในเชิงลบ สำนักงานด้านสุขภาพท้องถิ่นกำลังสอบสวน โดยผู้จัดการโรงพยาบาลถูกพักงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบแผนกผู้ป่วยนอก

แถลงการณ์ดังกล่าวมีคนอ่านมากกว่า 700 ล้านครั้งในวันพฤหัสบดี แสดงให้เห็นว่าสังคมจีนให้ความสนใจกับเหตุการณ์นี้อย่างมากมาย

ข้อมูลในโพสต์เมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่สะพัดทางเว่ยป๋อกล่าวว่า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปฏิเสธรับหญิงท้องแก่คนนี้เป็นคนไข้ โดยปล่อยให้เธอรอนาน 2 ชั่วโมง เหตุผลเพราะเธอไม่มีผลตรวจโควิดเป็นลบภายใน 48 ชั่วโมงมาแสดง หลานสาวของเธอกล่าวว่า ผลตรวจเก่าของเธอเพิ่งหมดอายุไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น

กรณีของหญิงคนนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของความเดือดร้อนที่เกิดจากการบริหารจัดการที่สับสนอลหม่านระหว่างการล็อกดาวน์เมืองนี้ โดยก่อนหน้านี้ชาวเมืองพากันร้องเรียนว่าขาดแคลนอาหารและสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน

เมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่เมืองซีอานเปิดเผยว่ากำลังเปิด "ช่องทางสีเขียว" สำหรับการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วนสำหรับคนบางกลุ่ม เช่น หญิงมีครรภ์และผู้ป่วยหนัก

คำประกาศนี้มีออกมาหลังจากสตรีรายที่ 2 เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่า เธอเองก็เพิ่งแท้งลูกคนแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากโดนโรงพยาบาลหลายแห่งปฏิเสธ

ยังมีชาวซีอานอีกคนเผยว่า พ่อของเธอที่มีอายุ 61 ปีเสียชีวิตลงเมื่อวันจันทร์ เพราะถูกโรงพยาบาลหลายแห่งปฏิเสธการรักษาอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง "เนื่องจากกฎที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาด" เธอต้องขับรถนาน 8 ชั่วโมงเพื่อหาโรงพยาบาล สุดท้ายเมื่อมีโรงพยาบาลรับเป็นคนไข้ หมอก็บอกว่าคนไข้รอนานเกินไป โพสต์นี้มีคนเข้าดูมากกว่า 500 ล้านครั้ง

ทางการจีนยึดนโยบายกำจัดโควิดให้เหลือศูนย์ โดยใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ยอดผู้ติดเชื้อในช่วงไม่กี่สัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็นสถิติสูงสุดนับแต่เดือนมีนาคม 2563 โดยเฉพาะที่เมืองซีอาน ซึ่งทำให้ต้องล็อกดาวน์ประชากรทั้งเมือง 13 ล้านคน ข้อมูลอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดี จีนมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 189 คน รวมถึง 63 คนในเมืองซีอาน

วันเดียวกัน ทางการเมืองซวีฉาง มณฑลเหอหนาน ซึ่งอยู่ติดกับฉ่านซี ประกาศว่าจะตรวจไวรัสชาวเมืองมากกว่า 4 ล้านคน หลังจากพบผู้ติดเชื้อ 50 รายในวันพฤหัสบดี ขณะที่เมืองเจิ้งโจว เมืองหลวงของมณฑลนี้สั่งระงับเส้นทางเดินรถบัสโดยสารหลายสิบสาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่อ' สั่งนครบาลสอบด่วน! ป้ายซื้อขายพาสปอร์ต ผิดจริงฟันแน่

'ผบ.ตร.' สั่งตรวจสอบที่มาของป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำหนังสือเดินทาง-ขอสัญชาติต่างๆ กำชับ สตม. ตรวจสอบ คัดกรองคนต่างด้าว เจอกระทำผิดฟันตามกฎหมายทุกมิติ

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 5 อัปเดตเส้นทางพายุโซนร้อน 'พระพิรุณ'

นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “พระพิรุณ” ฉบับที่ 5 (145/2567) โดยมีใจความว่า

กรมอุตุฯ ประกาศฉ.4 พายุพระพิรุณขึ้นฝั่งจีนตอนใต้ 21-23 ก.ค. ไม่ส่งผลกระทบไทย

พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ

‘หมอธีระ’ ข้องใจตัวเลขโควิด สัปดาห์ก่อนพุ่งอาทิตย์นี้ลดฮวบ ไม่ใช่เรื่องปกติ

สัปดาห์ก่อน ตัวเลขนอนรพ.พุ่งขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านั้นถึง 78% แต่สัปดาห์ล่าสุดนี้ ลดลงฮวบฮาบจากสัปดาห์ก่อนถึง 57.7% ส่วนตัวคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ควรต้อง explore