นองเลือดแล้ว ตำรวจคาซัคดับชีพผู้ก่อความไม่สงบหลายสิบศพ

กองกำลังฝ่ายความมั่นคงคาซัคสถานสังหารผู้ประท้วงหลายสิบคนที่ก่อความไม่สงบพยายามบุกโจมตีที่ทำการของรัฐบาลหลายแห่งในเมืองอัลมาตีเมื่อคืนวันพุธ ขณะตำรวจตายอย่างน้อย 8 นาย กองกำลังพันธมิตรอดีตโซเวียตตกลงส่งทหารช่วยต่อสู้กับ "กลุ่มก่อการร้าย" ด้านยูเอ็นและอียูวอนทุกฝ่ายอดกลั้น สหรัฐเรียกร้องรัฐบาลคาซัค "อนุญาตให้มีการแสดงออกอย่างสันติ"

กองกำลังความมั่นคงคาซัคสถานที่ใช้ในปฏิบัติต่อต้านการก่อการร้ายถูกส่งมารักษาความสงบที่เมืองอัลมาตี เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2565 (Getty Images)

การประท้วงรุนแรงที่เริ่มต้นจากความไม่พอใจที่รัฐบาลขึ้นราคาแก๊สหุงต้มแอลพีจี ซึ่งชาวคาซัคส่วนใหญ่ใช้เป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ ตั้งแต่ขึ้นปีใหม่ ได้ลุกลามเป็นการประท้วงขับไล่ผู้นำและอดีตผู้นำของประเทศเอเชียกลางที่เคยเป็นสมาชิกสหภาพโซเวียตแห่งนี้ ก่อวิกฤติครั้งใหญ่สุดในรอบหลายสิบปี เหตุการณ์รุนแรงที่สุดเกิดที่เมืองอัลมาตี เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่มีการเดินขบวนประท้วงมาตั้งแต่สุดสัปดาห์และเกิดการปะทะระหว่างตำรวจและผู้ประท้วงตั้งแต่คืนวันอังคาร

รายงานของสื่อท้องถิ่นอ้างคำแถลงของกระทรวงมหาดไทยก่อนหน้านี้ว่า มีตำรวจเสียชีวิตอย่างน้อย 8 นายในวันอังคารและพุธที่ผ่านมา และมีคนบาดเจ็บ 317 คน

รายงานเอเอฟพีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม 2565 อ้างคำกล่าวของตำรวจคาซัคว่า ผู้ประท้วงปะทะกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงขณะพยายามบุกยึดและวางเพลิงอาคารที่ทำการของรัฐบาลหลายแห่งในเมืองนี้เมื่อคืนวันพุธ มีผู้ประท้วงเสียชีวิตหลายสิบคน

"เมื่อคืนที่ผ่านมา กองกำลังหัวรุนแรงพยายามโจมตีอาคารของฝ่ายปกครอง, กรมตำรวจเมืองอัลมาตี รวมถึงสถานีตำรวจท้องถิ่น ผู้ก่อเหตุโจมตีหลายสิบรายโดนกำจัด" สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์-คาซัคสถาน, ทาสส์ และเรียโนวอสตี รายงานคำกล่าวของซัลตานัต อาซียร์เบ็ก โฆษกตำรวจ

ด้านกระทรวงสาธารณสุขคาซัคแถลงวันเดียวกันด้วยว่า มีคนบาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน เนื่องจากการก่อจลาจลในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ผู้บาดเจ็บเกือบ 400 คนยังรักษาตัวในโรงพยาบาล โดย 62 คนอยู่ในแผนกผู้ป่วยหนัก

อาคารสำนักงานนายกเทศมนตรีเมืองอัลมาตีโดนผู้ประท้วงโจมตีและวางเพลิงเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2565 (Getty Images)

มีวิดีโอหลายคลิปเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเมื่อวันพฤหัสบดี เผยให้เห็นร้านค้าหลายร้านโดนปล้นสะดมได้รับความเสียหาย และอาคารหลายหลังในเมืองนี้ถูกเพลิงไหม้ มีเสียงปืนอัตโนมัติดังตามท้องถนน และชาวเมืองกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

ความไม่สงบที่เกิดขึ้นเป็นการท้าทายครั้งใหญ่ต่อประธานาธิบดีคัสซิม-โจมาร์ต โตคาเยฟ ซึ่งได้รับเลือกให้สืบทอดตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดีนูร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟ ผู้นำเผด็จการรุ่นก่อตั้งประเทศวัย 81 ปี ที่ลาออกเมื่อปี 2562 แต่ยังคงกุมอำนาจไว้

โตคาเยฟพยายามบรรเทาความไม่พอใจของประชาชน โดยให้นายกฯ อัสการ์ มามิน นำรัฐบาลลาออกทั้งคณะ และปรับแผนการขึ้นราคาพลังงาน เขายังประกาศด้วยว่าได้รับตำแหน่งประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติแทนที่นาซาร์บาเยฟแล้ว แต่การประท้วงยังดำเนินต่อไป

เมื่อวันพุธ เขาประกาศขยายภาวะฉุกเฉินจากเดิมที่บังคับใช้ในเมืองหลวง, เมืองอัลมาตี และเมืองมังกีสเตา แหล่งผลิตพลังงานในภาคตะวันตกที่เกิดการประท้วงรุนแรง โดยให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีผลถึงวันที่ 19 มกราคม พร้อมกันกับการประกาศเคอร์ฟิวยามวิกาล, จำกัดการเดินทาง และห้ามการชุมนุม

เมื่อคำเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบของเขาไม่เป็นผล เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี โตคาเยฟแถลงต่อประชาชนว่า เขาได้ร้องขอให้องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม (CSTO) ซึ่งเป็นกลุ่มของประเทศอดีตสหภาพโซเวียต 6 ประเทศที่มีรัสเซียเป็นแกนนำ ส่งกองกำลังมาช่วยสู้รบกับ "กลุ่มก่อการร้าย" ที่เขาบอกว่า "ได้รับการฝึกฝนอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ"

นายกรัฐมนตรีนิโคล ปาชินยาน แห่งอาร์เมเนียที่เป็นประธาน CSTO กล่าวว่า องค์การจะส่งกองกำลังรักษาสันติภาพร่วม ในระยะเวลาที่จำกัด เพื่อรักษาเสถียรภาพและทำให้สถานการณ์ในคาซัคสถาน ซึ่งเกิดจาก "การแทรกแซงจากภายนอก" กลับคืนสู่ภาวะปกติ

องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และสหภาพยุโรป (อียู) แถลงเรียกร้องภายหลังเกิดความรุนแรงในคาซัคสถานเมื่อวันพุธว่า ขอให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น ละเว้นจากความรุนแรงและส่งเสริมการสานเสวนากัน ส่วนรัฐบาลสหรัฐโดยโฆษกทำเนียบขาว เจน ซากี แถลงว่า ผู้ประท้วงควรสามารถ "แสดงออกได้อย่างสันติ" และเรียกร้องให้ทางการคาซัค "ใช้ความอดกลั้น".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“รมว.นฤมล ลงพื้นที่ศึกษาตลาดสินค้าเกษตรในคาซัคสถาน หวังพัฒนาขยายช่องทางตลาดให้กับสินค้าเกษตรไทย”

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ได้ลงพื้นที่ศึกษาตลาดการค้าสินค้าเกษตร ณ Eurasia Farmer Market เมืองอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน

'ภูมิธรรม' นำทีมพาณิชย์เยือนคาซัคสถานถกเปิดตลาดใหม่

“ภูมิธรรม” นำทีมพาณิชย์เยือนคาซัคสถาน 13-18 ส.ค. ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของกลุ่ม สมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) ประชากรกว่า 190 ล้านคน เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าไปอีก 4 ประเทศที่นามสกุล “สถาน” พร้อมนัดหารือนายกรัฐมนตรีคาซัคสถาน ขยายความร่วมมือการค้า เศรษฐกิจ พบกงสุลกิตติมศักดิ์ เอกอัครราชทูตไทย คุยเรื่องเปิดสำนักงานทูตพาณิชย์ หารือผู้บริหาร DAMU Industrial ศึกษา ความเป็นไปได้ เรื่องการขนส่ง และมอบตรา Thai SELECT ร้านอาหารไทย พร้อมดูต้นแบบร้านอาหารที่ทำเป็นโชว์รูม

อดีตรัฐมนตรีของคาซัคสถานถูกตัดสินโทษหนัก ข้อหาทำร้ายภรรยาถึงตาย

นับเป็นคดีที่สะเทือนขวัญไปทั่วทั้งคาซัคสถาน อดีตรัฐมนตรีทุบตีภรรยาของเขาอย่างสาหัส จนเธอเสียชีวิตจากอาการบา