เรือรบจีน 2 ลำเทียบท่าในกัมพูชาเมื่อวันอาทิตย์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมร่วมทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดกับกัมพูชา ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นของสองรัฐบาล
ธงชาติกัมพูชาและจีนโบกสะบัด ในขณะที่เรือฝึก'ฉีจี้กวง' ของจีน เตรียมเทียบท่าระหว่างพิธีต้อนรับที่ท่าเรือในจังหวัดพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม (Photo by AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2567 กล่าวว่า จีนส่งเรือรบ 2 ลำมาเทียบท่าที่สีหนุวิลล์ของกัมพูชา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมร่วมทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดของสองประเทศ
เรือฝึก'ฉีจี้กวง' และเรือสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก 'จิ่งกังซาน' จะถูกใช้ในการฝึกซ้อมทั้งทางบกและทางทะเลตลอดระยะเวลา 15 วัน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจีน 760 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กัมพูชาราว 1,300 นาย และเรือกัมพูชาอีก 11 ลำ
หวัง เหวินเทียน เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงพนมเปญกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พวกเราเป็นเพื่อนที่มีความสัมพันธ์เหนียวแน่นเป็นทุนเดิม และความร่วมมือทางทหารระหว่างจีน-กัมพูชาในครั้งนี้จะเอื้อประโยชน์ต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศรวมถึงความมั่นคงของภูมิภาค
ทั้งนี้ กัมพูชาเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของจีนมายาวนานและได้รับเงินสนับสนุนการลงทุนจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์
ความสัมพันธ์ดังกล่าวทำให้สหรัฐฯมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าจีนจะใช้ฐานทัพเรือของกัมพูชาที่กำลังปรับปรุงในอ่าวไทย เพื่อขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้
ปัจจุบัน ฐานทัพเรือเรียม (Ream) ที่สีหนุวิลล์ของกัมพูชาได้รับการสนับสนุนทุนจากจีนในการปรับปรุงฐานทัพซึ่งแต่เดิมสร้างขึ้นด้วยเงินทุนบางส่วนของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้เรือรบจีน 2 ลำเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพเรือดังกล่าวในเดือนธันวาคมเป็นครั้งแรก หลังการดำเนินการปรับปรุงฐานทัพคืบหน้าไปมาก
รัฐบาลวอชิงตันกล่าวว่า ฐานทัพเรือเรียมอาจทำให้รัฐบาลปักกิ่งมีตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในอ่าวไทยใกล้กับทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นข้อพิพาทที่จีนอ้างสิทธิ์เป็นส่วนใหญ่
เมื่อปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าท่าเรือใหม่ความยาว 363 เมตรที่เรียมนั้นมีจุดประสงค์เพื่อใช้จอดเรือบรรทุกเครื่องบิน
เอกอัครราชทูตหวัง เหวินเทียน ตอบโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า "การส่งกองทัพเรือจีนไปยังกัมพูชานั้น ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกัน ไม่มีประเด็นอื่น" โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคนี้
การฝึกซ้อมร่วมทางทหารครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจากการเยือนกัมพูชาเป็นเวลา 3 วันของหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เมื่อเดือนเมษายน ในภารกิจกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ.