ผู้นำจีนเดินทางเยือนฮังการีเพื่อแสวงหาการเดินทางครั้งใหม่กับพันธมิตรสหภาพยุโรปที่แนบแน่นกับรัฐบาลปักกิ่ง ท่ามกลางความแตกแยกกับชาติตะวันตกในเรื่องสงครามยูเครนและการค้าโลก
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน (ซ้าย) จับมือกับประธานาธิบดีทามาส ซูเลย็อก ของฮังการี ก่อนการเจรจาอย่างเป็นทางการที่ห้องโถงสีน้ำเงินของทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม (Photo by Noemi BRUZAK / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจในยุโรป ล่าสุดเดินทางถึงฮังการีเป็นปลายทางสุดท้าย หลังเสร็จสิ้นการเยือนฝรั่งเศสและเซอร์เบียก่อนหน้านี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศในยุโรปกลางที่มีประชากร 9.6 ล้านคนแห่งนี้ได้ดึงดูดโครงการสำคัญๆ ของจีนจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่
ประธานาธิบดีทามาส ซูเลย็อก ของฮังการี เดินทางมาต้อนรับผู้นำจีนและภริยาอย่างอบอุ่นด้วยกองทหารเกียรติยศ ณ ลานทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงบูดาเปสต์ เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี ท่ามกลางการประดับประดาเมืองหลวงด้วยธงชาติจีนและมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
หลังการเจรจาอย่างเป็นทางการกับประธานาธิบดีฮังการี ผู้นำจีนก็ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับนายกรัฐมนตรีวิคเตอร์ ออร์บาน
สีจิ้นผิงเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อของฮังการีก่อนการมาถึงว่า ทั้งสองชาติต่างมีมิตรภาพที่ยาวนานและกลมกล่อมเข้มข้นราวกับไวน์ 'Tokaji' อันมีชื่อเสียงของฮังการี
"เราผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน และท้าทายอำนาจทางการเมืองร่วมกัน ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ผันผวน"
"ความสัมพันธ์ทวิภาคีของเราดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และเรากำลังเริ่มต้นการเดินทางเข้าสู่ยุคใหม่ จีนตั้งตารอที่จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเพื่อนชาวฮังการีของเรา" สีจิ้นผิงกล่าว
ขณะที่วิคเตอร์ ออร์บานเองก็ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่มุ่งเน้นพันธมิตรฝั่งตะวันออกอยู่บ่อยครั้งนับตั้งแต่เขากลับขึ้นสู่อำนาจในปี 2553 โดยแสวงหาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับรัสเซีย,จีน และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย
นายกรัฐมนตรีชาตินิยมรายนี้ยังคงยึดมั่นในยุทธศาสตร์ของเขา แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างชาติตะวันตกและรัฐบาลปักกิ่งจะเพิ่มมากขึ้นจากข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน, การแพร่ระบาดของโควิด, การค้า และการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
นอกจากนี้ การเยือนฮังการี 3 วันของสี จิ้นผิง ยังถือเป็นการครบรอบ 75 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศอีกด้วย
นับตั้งแต่ฮังการีเริ่มส่งเสริมตัวเองให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกในปี 2565 หน่วยธุรกิจใหม่ของจีนหลายแห่งก็ได้ผุดขึ้นทั่วประเทศแห่งนี้
ตามที่รัฐบาลฮังการีระบุ ทั้งสองประเทศคาดว่าจะลงนามข้อตกลงอย่างน้อย 16 ฉบับ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟและถนน, พลังงานนิวเคลียร์ และอุตสาหกรรมยานยนต์
สีจิ้นผิงจะร่วมเจรจาข้อตกลงดังกล่าวกับวิคเตอร์ ออร์บาน และจะเดินทางออกจากฮังการีในบ่ายวันศุกร์.