มาครงกดดันสีจิ้นผิง ให้ช่วยยุติสงครามยูเครนและยอมรับการค้าที่เป็นธรรม

ผู้นำฝรั่งเศสใช้โอกาสที่ผู้นำจีนมาเยือนอย่างเป็นทางการด้วยการกดดันให้รัฐบาลปักกิ่งใช้อิทธิพลด้านความสัมพันธ์ในการยุติสงครามรัสเซียกับยูเครน

ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส (ขวา) ทักทายประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่ทำเนียบประธานาธิบดีเอลิเซในกรุงปารีส ระหว่างการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการของผู้นำจีน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม (Photo by Ludovic MARIN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป

การเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ 2 วันของผู้นำจีนถือเป็นการเยือนยุโรปครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ปี 2562 นอกจากนี้เขาจะเดินทางต่อไปยังเซอร์เบียและฮังการีอีกด้วย โดยมีประเด็นหลักเรื่องสันติภาพในยูเครน แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าไม่น่าจะมีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

มาครงเป็นเจ้าภาพในการเปิดการประชุมไตรภาคีครั้งแรก โดยกล่าวว่า เขาต้องการให้รัฐบาลปักกิ่งประสานงานร่วมกันแก้ไขวิกฤตในยูเครน ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ร่วมสร้างกฎเกณฑ์ที่ยุติธรรมสำหรับทุกฝ่ายในการค้ายุโรป-จีน

"อนาคตของทวีปยุโรปจะผันแปรตามความสามารถในการพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนอย่างสมดุลทั้งตอนนี้และภายภาคหน้า" มาครงกล่าว

ขณะที่สีจิ้นผิงกล่าวว่า จีนและสหภาพยุโรปควรรักษาความเป็นหุ้นส่วนกัน และดำเนินการประสานงานเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างคุณประโยชน์ใหม่ๆ ให้กับสันติภาพและการพัฒนาของโลก

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน แสดงความกังวลในฐานะตัวแทนสหภาพยุโรปว่า ถึงแม้จะวางตัวเป็นกลางในความขัดแย้งของรัสเซียกับยูเครน แต่ในทางปฏิบัติ จีนได้สนับสนุนรัสเซียผ่านเครื่องมือเครื่องจักรของจีนในการผลิตอาวุธ

"จำเป็นต้องมีความพยายามมากขึ้นในการลดการส่งมอบสินค้าที่เป็นดาบสองคมไปยังรัสเซียซึ่งอาจนำไปใช้ต่อในสนามรบ" ฟอน เดอร์ เลเยนกล่าวหลังการเจรจา และเสริมว่า "สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์สหภาพยุโรป-จีน"

เธอเสริมว่าฝรั่งเศสและสหภาพยุโรปยังไว้วางใจจีนในการใช้อิทธิพลทั้งหมดที่มีต่อรัสเซียเพื่อยุติสงครามรุกรานยูเครน และเชื่อว่าทั้งยุโรปและจีนมีจุดยืนร่วมกันในด้านสันติภาพและความมั่นคง

ฟอน เดอร์ เลเยนยังกล่าวด้วยว่า ผู้นำจีนจะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไปในการลดความตึงเครียดจากภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ที่กระทำโดยรัสเซีย โดยอ้างอิงคำประกาศล่าสุดของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่สั่งให้กองทัพจัดการฝึกซ้อมอาวุธนิวเคลียร์ด้านการทหารใกล้ดินแดนยูเครน

ทั้งมาครงและฟอน เดอร์ เลเยนระบุว่า การค้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการเจรจา โดยเน้นย้ำว่ายุโรปต้องปกป้องผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน โดยอ้างอิงถึงความไม่สมดุลที่น่าเป็นกังวลอย่างยิ่งจากกรณีที่รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าและเหล็กที่เข้ามาตีตลาดยุโรปอย่างร้อนแรงในปัจจุบัน

กลุ่มสิทธิมนุษยชนกำลังเรียกร้องให้มาครงหยิบยกประเด็นสิทธิมนุษยชนขึ้นมาในการเจรจา โดยกล่าวหาว่าจีนไม่เคารพสิทธิของชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ และจำคุกนักข่าวหลายสิบคน

"ประธานาธิบดีมาครงควรชี้แจงให้สี จิ้นผิง ทราบอย่างชัดเจนว่าอาชญากรรมของจีนต่อมนุษยชาตินั้น มาพร้อมกับผลที่ตามมาจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับฝรั่งเศส" ฮิวแมนไรต์วอตช์กล่าว

กลุ่มเสรีภาพสื่อ 'Reporters Without Borders' ซึ่งประณามการเยือนของผู้นำจีน ได้ติดตั้งรถบรรทุกในใจกลางกรุงปารีสพร้อมระบุชื่อนักข่าว 119 คนที่จีนจับกุมไว้ และเรียกสีจิ้นผิงว่าเป็น "ผู้ล่าเสรีภาพสื่อรายใหญ่"

ในวันอังคาร มาครงมีกำหนดพาผู้นำจีนและภริยาเดินทางไปยังเทือกเขาพิเรนีส เพื่อพูดคุยในแบบกึ่งทางการอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังไม่เชื่อว่ามาครงจะสามารถมีอิทธิพลเหนือผู้นำจีนได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจะปูพรมแดงต้อนรับอย่างฟุ่มเฟือยและนำเที่ยวด้วยตัวเองก็ตาม อีกทั้งสองประเทศที่ผู้นำจีนเลือกเดินทางเยือน ได้แก่ เซอร์เบียและฮังการี ถือเป็นประเทศที่เป็นพันธมิตรกับรัสเซียมากที่สุดในยุโรป.

เพิ่มเพื่อน