สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติอนุมัติความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเพื่อแสดงจุดยืนความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ขณะเดียวกันก็สนับสนุนการป้องกันของอิสราเอลและไต้หวัน และขู่ว่าจะแบน TikTok ของจีน
อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (Photo by Drew ANGERER / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2567 กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่า 95,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.5 ล้านล้านบาท) แก่รัฐต่างชาติ (ยูเครน, อิสราเอล และไต้หวัน)
ร่างกฎหมายทั้ง 4 ฉบับได้รับการอนุมัติอย่างท่วมท้นและรวดเร็ว ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของสมาชิกสภาผู้แทนฯฝ่ายขวาจัดจำนวนหนึ่งของพรรครีพับลิกันที่ขู่เชือดไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรจากความเคลื่อนไหวที่ช่วยให้พรรคเดโมแครตของโจ ไบเดนได้เปรียบในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่า กฎหมายดังกล่าวจะให้การสนับสนุนที่สำคัญแก่อิสราเอลและยูเครน รวมทั้งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นอย่างยิ่งแก่ฉนวนกาซา, ซูดาน, เฮติ และพื้นที่อื่นๆ เช่นเดียวกับการสนับสนุนความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
เขายกย่องบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรที่ยอมสลายความขัดแย้งเพื่อตอบรับเสียงเรียกร้องของประวัติศาสตร์
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ยินดีกับความช่วยเหลือมูลค่า 61,000 ล้านดอลลาร์ที่จัดสรรให้กับประเทศของเขา โดยกล่าวว่าความช่วยเหลือทางทหารและเศรษฐกิจจะช่วยชีวิตคนได้หลายพันคน
วุฒิสภาสหรัฐจะรับร่างกฎหมายดังกล่าวในวันอังคาร และคาดว่าสมาชิกเสียงข้างมากจากพรรคเดโมแครตจะดำเนินการอย่างรวดเร็วเมื่อกฏหมายเข้าสู่สภา ก่อนส่งต่อขั้นสุดท้ายให้ประธานาธิบดีไบเดนลงนาม
ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นผลมาจากการเจรจาที่เผ็ดร้อนเป็นเวลาหลายเดือน ภายใต้ความกดดันจากพันธมิตรของสหรัฐฯ และการร้องขอความช่วยเหลือจากผู้นำยูเครนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนหลักทางทหารของยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย แต่สภาคองเกรสไม่ได้อนุมัติเงินทุนจำนวนมากสำหรับพันธมิตรรายนี้มาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีครึ่งแล้ว สาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งทางการเมืองของรีพับลิกันและเดโมแครต
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสต่างผลักดันให้สนับสนุนแพ็คเกจอาวุธใหม่แก่ยูเครนมานานหลายเดือนแล้ว
แต่พรรครีพับลิกันซึ่งได้รับอิทธิพลจากโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรค ไม่เต็มใจที่จะให้เงินทุนแก่รัฐบาลเคียฟในการสานต่อความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ
การจัดหาเงินทุนในการทำสงครามกลายเป็นประเด็นถกเถียงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าไบเดนจะปะทะทรัมป์อย่างดุเดือดอีกหลายรอบ
ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ ใช้เวลาพิจารณาประเด็นดังกล่าวอยู่นานหลายเดือน ในที่สุดก็ตัดสินใจสนับสนุนแผนสนับสนุนมูลค่า 61,000 ล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน ซึ่งรวมถึงความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและอาวุธ
จอห์นสันกล่าวว่า เขาตัดสินใจโดยยึดหลักว่า ยอมส่งกระสุนให้ยูเครนดีกว่าต้องส่งทหารสหรัฐไปแทนในภายหลัง
ร่างกฎหมายดังกล่าวยังอนุญาตให้ประธานาธิบดีสหรัฐสามารถยึดและขายทรัพย์สินของรัสเซียได้ รวมทั้งการจัดหาเงินทุนให้ยูเครนเพื่อใช้ในการฟื้นฟูประเทศ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่กลุ่มประเทศ G7 ให้การยอมรับ
มีเสียงตอบรับด้วยความยินดีจากเจ้าหน้าที่นาโต, สหภาพยุโรป และเยอรมนี ที่ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน หลังยืดเยื้อมานาน
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาความช่วยเหลือทางทหารจำนวน 13,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่อิสราเอล เพื่อทำสงครามกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา และโดยพื้นฐานแล้วเงินทุนดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เพื่อสนับสนุนระบบป้องกันภัยทางอากาศ "ไอรอนโดม" ของอิสราเอล ซึ่งนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ออกมาชื่นชมว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อประเทศของเขาในการปกป้องอารยธรรมตะวันตก
ร่างกฎหมายดังกล่าวระบุด้วยว่าจะมีการจัดสรรเงินมากกว่า 9,000 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดการกับ "ความต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับฉนวนกาซาและประชากรกลุ่มเปราะบางอื่นๆ ทั่วโลก"
ตามคำร้องขอของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เงินจำนวน 8,000 ล้านดอลลาร์จะถูกใช้เพื่อตอบโต้จีนผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำ และส่งเสริมการแข่งขันกับรัฐบาลปักกิ่งในโครงการที่สร้างขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งจะมีการทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนอาวุธให้กับไต้หวัน
นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดที่จะบังคับให้ TikTok แยกตัวจากบริษัทแม่ในจีนอย่าง ByteDance ไม่อย่างนั้นจะต้องเผชิญกับการแบนทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ใช้งานอยู่ประมาณ 170 ล้านคน
ชาติตะวันตกเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับความนิยมของ TikTok ในหมู่คนหนุ่มสาว โดยกล่าวหาว่า TikTok รับใช้รัฐบาลปักกิ่งและเป็นช่องทางในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งคำกล่าวอ้างดังกล่าวถูกปฏิเสธโดยบริษัท ByteDance
TikTok ได้ออกแถลงการณ์ประณามร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างรุนแรง โดยกล่าวว่าเป็นการเหยียบย่ำสิทธิในการพูดของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน, ทำลายล้างหน่วยธุรกิจ 7 ล้านราย และปิดแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีให้กับเศรษฐกิจสหรัฐ.