สำนักข่าวอิสระ "ซิติเซนนิวส์" ของฮ่องกง ประกาศปิดตัวอย่างปุบปับ อ้างเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน ป้องกันการซ้ำรอย "สแตนด์นิวส์" ที่โดนบุกตรวจค้นจับกุมด้วยข้อสงสัยปลุกระดมต่อต้านรัฐ และทำให้ต้องปิดตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รายงานเอเอฟพีและรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์ที่ 3 มกราคม 2565 กล่าวว่า สำนักข่าวออนไลน์ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกงด้วยจำนวนผู้ติดตามมากกว่า 800,000 คนทางโซเชียลมีเดีย ประกาศเมื่อคืนวันอาทิตย์ ว่าพวกเขาจะยุติการดำเนินการ โดยเว็บไซต์จะหยุดอัพเดตข่าวตั้งแต่เที่ยงคืนวันอังคารเป็นต้นไป
คำแถลงของซิติเซนนิวส์อ้างเหตุผลถึงสภาพแวดล้อมของสื่อมวลชนในเขตปกครองพิเศษของจีนแห่งนี้ว่า "เสื่อมถอย" และจำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยของพนักงานที่มีกันประมาณ 40 คน
แพลตฟอร์มสื่ออิสระไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่ก่อตั้งด้วยการระดมทุนจากประชาชนเมื่อปี 2560 เกิดจากการรวมตัวของนักข่าวรุ่นเก๋ากลุ่มหนึ่ง โดยผู้ร่วมก่อตั้ง 4 คนเป็นอดีตประธานของสมาคมนักข่าวฮ่องกง (เอชเคเจเอ) รวมถึงคริส หยาง ที่แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า พวกเขาตัดสินใจยุติการดำเนินกิจการเพราะมีความหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสแตนด์นิวส์ สื่ออิสระที่สนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งโดนตำรวจมากกว่า 200 นายบุกตรวจค้นเมื่อวันพุธที่แล้ว "การตัดสินใจเกิดในเวลาอันสั้น จุดชนวนคือชะตากรรมของสแตนด์นิวส์" หยางกล่าว
"เราพยายามอย่างเต็มที่ที่สุดที่จะไม่ละเมิดกฎหมายใดๆ แต่เรามองไม่เห็นเส้นแบ่งที่ชัดเจนของการบังคับใช้กฎหมายอีกต่อไป และเราไม่รู้สึกว่ามีความปลอดภัยในการทำงานอีกต่อไป" หยางกล่าว "นักข่าวก็เป็นมนุษย์ มีครอบครัวและเพื่อน"
หยางเปิดเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ติดต่อมายังห้องข่าวของซิติเซนส์นิวส์ แต่พวกเขาตัดสินใจปิดตัวเนื่องจากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชน
"เราสามารถทำข่าวที่ปลอดภัยได้มั้ย" เดซี หลี่ หัวหน้าบรรณาธิการซึ่งเป็นอดีตประธานเอชเคเจเอเช่นกัน ถามคำถาม ก่อนจะตอบว่า "เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือข่าวที่ปลอดภัย"
สแตนด์นิวส์ประกาศปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสมาชิกและอดีตสมาชิกคณะบริหาร 7 คนโดนจับกุมและอายัดทรัพย์สิน โดยชุง พุยควน ผู้ร่วมก่อตั้งที่เป็นอดีตบรรณาธิการ และแพทริก แลม รักษาการหัวหน้าบรรณาธิการ ถูกตั้งข้อหา "คบคิดเผยแพร่สิ่งพิมพ์ปลุกระดม" และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว
ก่อนหน้าสแตนด์นิวส์ หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ของจิมมี ไหล่ ก็โดนตำรวจบุกตรวจค้น จับกุมผู้บริหารหลายรายภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ และอายัดทรัพย์สินเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้สื่อหนุนประชาธิปไตยฮ่องกงแห่งนี้ต้องยุติการดำเนินการ.